จากที่เมื่อวานได้ทำการ สมัครเป็น Seller Amazon ไปแล้วนั้น เช้าวันนี้เลยมานั่งคลิกดูเมนูต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้าง และ จะโพสสินค้าลงขายได้อย่างไร หลังจากไล่ดูเมนูไปได้เรื่อย ๆ ก็เห็นว่ามีเมนูสำคัญ ๆ ที่เราจะต้องกรอกข้อมูลเข้าไปก่อน ซึ่งต้อง ตั้งค่าต่างๆ ก่อนการลงสินค้าขายบนแอมะซอน ผมนำเอาประสบการณ์จากที่ขายบนอีเบย์มาใช้ครับ สิ่งแรกที่ผมเข้าไปใส่ข้อมูลก่อนเลย คือ Payment Information ครับ ฮ่าฮ่า เรื่องเงินเรื่องใหญ่ จัดการก่อน.. โดยไปที่ Setting > Account Info > เลือก Deposit Methods
และตั้งค่าต่างๆ ตามนี้ครับ เพื่อใช้ในการรับเงินจากแอมะซอน ให้โอนเข้าธนาคารกรุงเทพ
เสร็จจากการตั้งค่าการรับเงินขายของแล้ว ผมก็เข้าไปตั้งค่าข้อมูลที่เกี่ยวกับการขายของเราต่อเลยครับ นั่นคือ การตั้งค่าการจัดส่ง ผมถือว่าสำคัญนะครับ เราต้องคำนวณค่าจัดส่งดีๆ ผมมีเรื่องขำๆ จะเล่าแทรกให้อ่านกันนะครับ คือ สมัยก่อนโน้นเมื่อ 9 ปีก่อน ผมขายของผ่านอีเบย์ได้เป็นชิ้นแรก ขายโมเดลของเล่นครับ ทำจากไวนิลสูงฟุตนิดๆ หนัก 800 กรัม ตั้งค่าจัดส่งไว้ $5 เหรียญ ขายแบบประมูลได้มา $38 เหรียญ บวกค่าจัดส่งแล้ว $43 คิดเป็นเงินไทยตอนนั้น พันนิดๆ พอไปส่งจริงๆ โดนค่าจัดส่งไป 700 บาท ยังไม่รวมค่ากล่อง ค่าบับเบิล นะครับ ต้นทุนโดเมลก็ 550 เข้าไปแล้ว เงิบเลยครับ เป็นการค้าขายส่งออกที่ขาดทุนตั้งแต่ชิ้นแรกของการทำธุรกิจเลย ถือเป็นประสบการ์ณที่ดีครับ จำไปอีกนาน.. ฮ่าฮ่า
สำหรับการตั้งค่าจัดส่ง ในระบบมีให้เลือกหลักๆ 2 แบบ คือ แบบ Banded และ แบบ ชิ้นหรือน้ำหนัก ผมเลือกตั้งค่าจัดส่งเป็นแบบต่อชิ้นครับ เพราะถ้าลูกค้าสั่งหลายๆ ชิ้น เราจะได้ไม่ขาดทุนครับ การตั้งค่าก็ไปที่ Setting > Shipping Setting
เสร็จแล้วก็เลือก Change Shipping Model แล้วเลือกว่าจะจัดส่งแบบไหนนะครับ
แล้วก็มาเลือกพื้นที่ที่เราสามารถจัดส่งได้
และก็ตั้งค่าจัดส่งต่างๆ แล้วแต่จะตั้งเลยนะครับ แบบสมเหตุสมผล ขึ้นกับสินค้าที่ขายนั้นๆ ด้วยนะครับ
และก็สุดท้าย เป็นการตั้งค่า ข้อมูลร้าน และ นโยบายของร้าน โดยไปที่ Setting > Your Info & Policies
ไล่ใส่ข้อมูลไปเรื่อยๆ คิดไม่ออกว่าจะเขียนยังไง ลองไล่ดูร้านบนแอมะซอนครับ ว่าเขาเขียนกันยังไง ส่วนผมใช้ข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้ว ตอนขายบนอีเบย์ ข้อมูลพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ซ้ำๆ กันหล่ะครับ เช่น จัดส่งยังไง จัดส่งทางไหน นโยบายคืนของต่างๆ โน้นนี่นั้น เป็นต้น หากเขียนไม่ได้จริงๆ ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ ผมเห็นคนไทยหลายคนที่ขายบนแอมะซอนไม่เขียนกันครับ เพราะเป้าหมายเขา คือ ตัวเงินจากยอดขาย หาสินค้าทำเงินมาเก็งกำไรแล้วลงขายเลย แต่สำหรับผม มีสินค้าผลิตเอง แบรนด์ตัวเอง เลยต้องเขียนนิดนึง ผมว่ามันสำคัญ แต่หากคุณหาของมาขายแบบเก็งกำไร เหมือนที่คอร์สสอนรวยออนไลน์ต่างๆ เขาสอนกัน ผมว่า Info ส่วนตัวพวกนี้ไม่จำเป็นต้องเขียนก็ได้ครับ รีบหาของมาขายๆ กันดีกว่า
จบขั้นตอนของการ ตั้งค่าต่างๆ ก่อนการลงสินค้าขายบนแอมะซอน สำหรับผมมีเพียงเท่านี้ และจบจากเขียนโพสนี้เสร็จ ก็จะไปถ่ายรูปสินค้าสัก 15-20 ชิ้น และเขียนเนื้อหาข้อมูลสินค้าต่อเลย เพื่อเตรียมลงขายต่อไป ตั้งใจจะลงขายให้ได้วันละ 20 ชิ้น (ขั้นต่ำ)
หากลงขายเรียบร้อยแล้ว จะมาบอก ขั้นตอนการลงสินค้าขายบนแอมะซอน อีกครั้งนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไป โปรเจคขายของบนแอมะซอน 3 เดือน กำไรเดือนละ 5 หมื่นบาท จะเป็นยังไง จะทำได้มั้ย มาลุ้นไปด้วยกันนะครับ :-D
อยากจะเขียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการทำหนังสือขาย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือลงขายที่แอมะซอน KDP เพื่อเป็น Passive income ที่ทำทิ้ง ๆ ไว้ก็พอได้ค่าเช่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ในทุก ๆ เดือน บางเดือนลืมถอนมาใช้ก็เก็บเป็นเงินเก็บไว้ แล้วพอแอคเคาท์โดนระงับ ก็หยุดไปพักนึง ก่อนจะมาเปิดบัญชีใหม่ ทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า...
ผมทำได้แค่แชร์ประสบการณ์ ไม่คิดจะสอนใคร ไม่รับให้คำปรึกษาใคร ผมว่าทุกคนเก่งอยู่แล้ว เพียงแค่ยังหาหนทางออกไม่เจอก็เท่านั้นเอง เห็นหลายคนโดนแบนก็แบบนะ เห็นใจอยากช่วยให้แนวคิด เลยเขียนบทความนี้ขึ้น ขอฝากอย่างเดียว หากตั้งใจจริงและอยากโลดแล่นทำธุรกิจนี้ต่อเรียนรู้ศึกษาเพิ่มครับ
คอร์สเรียนออนไลน์ฟรีของ Google นั่นคือ คอร์สที่ชื่อว่า Fundamentals of Digital Marketing เมื่อเรียนจบคอร์สจะมีการสอบ Exam Final หากเราสอบวัดผลได้เกิน 80% ก็ถือว่า "ผ่าน"