Timeช่วงเวลาไหนที่ดีที่สุด สำหรับการลงสินค้าขายบนอีเบย์

คำถามที่ว่า… ขายของบนอีเบย์ช่วงเวลาไหนดี? คงไม่ใช่คำถามหลักของพ่อค้าแม่ค้าตลาดอีเบย์มือใหม่แน่ๆ เพราะส่วนใหญ่ผู้ขายหน้าใหม่ที่อยากเข้ามาตลาดอีเบย์ มักจะติดหรือวนเวียนอยู่กับคำถามที่ว่า “ฉันจะหาอะไรมาขายดี? ขายอะไรดี?” ซึ่งเป็นคำถามซ้ำๆ มานานมากแล้ว พอเริ่มศึกษามาได้ระยะหนึ่ง คือ สามารถหาสินค้า(ตามที่เค้าว่า)ขายดีได้แล้ว ก็มาลองเทสตามวิธีที่(เค้าว่า)ได้ศึกษามา ปรากฎว่า “ขายไม่ออก ขายไม่ได้ตามที่หวังไว้” เอาล่ะซิ… ทำไงดี? ยังไม่ต้องพูดถึงกลยุทธิ์การกำหนดราคาขาย ราคาประมูลเริ่มต้น การตัดราคาสินค้าแบบขายเน้นปริมาณ หรืออื่นๆ กันนะครับ แค่นี้ก็ยุ่ง ปวดกะบาลจิตายแล้ว….

ไม่ทราบว่าเป็นกันบ้างไหมครับ ถ้าใช่… ก็ลองเปิดใจและเตรียมความพร้อมในการอ่าน (สมุด ปากกา กาแฟ แว่นตา ฯลฯ) อ่านและจดสรุปเนื้อหาที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ได้เลยครับ อาจจะยาวไปสักนิด (ผมบ่นเก่ง!!) แต่ถ่ายทอดจากประสบการณ์ และข้อมูลความรู้จากที่ต่างๆ ที่ผมได้อ่านได้ศึกษามา เลยนำมาถ่ายทอดผ่านเป็นตัวอักษรในบล็อกผมเองให้ได้อ่าน ได้ศึกษากันนะครับ ใครจะนำไปเผยแผ่ต่อก็ตามสบายครับ ไม่ต้องอ้างอิงกลับมาก็ได้นะครับ (ปิดทองหลังพระคนส่วนน้อยนิยมทำกัน แต่ผมชอบทำ…)

สำหรับเรื่องเวลาบางคนอาจจะมองว่า ไม่เห็นสลักสำคัญอะไรเลย หากคนซื้อเข้ามาเจอสินค้าเรา ถ้าคนมันจะซื้อ มันอยากได้จริงๆ เดี๋ยวก็คลิกประมูลซื้อเองแหล่ะ คิดอะไรให้ยุ่งยาก ตรงจุดนี้ผมเองเคยเป็นนะครับ ยอมรับเลย ทะนงตัวเองไปหน่อย มั่นใจในราคาและสินค้าที่นำมาขายอีกด้วย สุดท้าย “แดกแห้ว” ทีนี้มาหยุดคิดนิดนึงว่าเรากำลังขายให้คนอีกซีกโลก ซึ่งเวลาบ้านเขาไม่ตรงกับบ้านเรา ผมลงขายตอนบ่ายสามกว่าๆ เวลาที่อเมริกา ก็ประมาณ ช่วงตีหนึ่งถึงตีสาม ถามจริงๆ เลย (เมื่อเอาใจเขามาใส่ใจเรา) ต่อให้ของชิ้นนั้นผมอยากได้นะ แต่พรุ่งนี้ต้องแลกกับการเข้าทำงานสาย เพราะต้องมานั่งเฝ้าของที่อยากได้ตอนตีสองตีสาม ผมก็ไม่ทำนะครับ นอนดีกว่า…

นอกจากเรื่องช่วงเวลาแล้วนั้น เรื่องวันก็มีส่วนในการลงขายสินค้าบนอีเบย์อีกด้วยนะครับ จากข้อมูลและสถิติที่ผมมี จากการเก็บสถิติเอง โดยลองทดสอบดูก็ค่อนข้างใกล้เคียงกันมากกับข้อมูลที่ได้อ่านๆ มา ซึ่งสามารถสรุปได้ประมาณนี้ครับ
หมายเหตุ: ข้อ1.เปรียบเทียบจากการขายสินค้า 10 ชิ้น ลงขายแบบประมูล 7 วัน ข้อ2. วัน หมายถึงวันของฝั่งอเมริกา

วันจันทร์ – ขายดีมาก (ขายได้ 7-8 ชิ้น)
วันอังคาร – ขายดี (ขายได้ 5-6 ชิ้น)
วันพุธ – พอได้ (ขายได้ 3-4 ชิ้น แต่บางอาทิตย์ขาย 2 ชิ้นก็เคยมี)
วันพฤหัสฯ – ขายดี (ขายได้ 4-6 ชิ้น)
วันศุกร์ – แย่สุด (ขายไม่ได้เลย – มากสุด 2 ชิ้น)
วันเสาร์ – พอได้ (ขายได้ 2-3 ชิ้น)
วันอาทิตย์ – ขายดีมาก (ขายได้ 8-9 ชิ้น)

ในวันอาทิตย์และวันจันทร์ ช่วงเวลาประมาณ สี่โมงเย็น ถึง ช่วงหนึ่งทุ่ม (เวลาแปซิฟิก) จะสังเกตเห็นว่าปริมาณการซื้อสินค้าบนตลาดอีเบย์จะสูงมากๆ ครับ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ผมไปอ่านเจอมาบอกว่า ช่วงเที่ยงของวันจันทร์ก็เป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายเยอะเช่นเดียวกัน ลองดูนะครับ แต่เวลาช่วงนี้ผมยังไม่เคยลองทำ… ใครชอบนอนดึกๆ ลองดูครับ ลงขายตอนห้าทุ่มเที่ยงคืนไรงี้…

สำหรับบางคนที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว มึนๆ คิดเองไม่ได้ ไปไม่ถูก มีแต่คำถามในหัว?? (แอบเหน็บนะครับ) ว่าจะดูเวลา Pacific time ได้จากไหน บนเว็บอีเบย์มีบอกนะครับ หรือเข้าไปที่ http://viv.ebay.com/ws/eBayISAPI.dll?EbayTime สำหรับคนที่มีบัญชีอีเบย์อยู่แล้ว ก็ล็อกอินเข้า summary ของตัวเองแล้วเลื่อนหน้าเพจลงให้สุดแล้วหาลิงค์ eBay official time คลิกเข้าไปได้เลยครับ ว่าแต่…. เคยเข้าไปใช้งานกันแล้วรึป่าวครับ? สารภาพตรงๆ เห็นมาก็นานแล้ว เคยคลิกไปดูสองสามครั้งเท่านั้นเอง ฮ่าฮ่า คือต้องบอกอย่างนี้ครับ ถือเป็นการแนะนำไปเลยในตัวแล้วกัน ผมใช้ Browser ของ FireFox ครับ แล้วติดตั้ง Add-on ที่ชื่อว่า FoxClocks ซึ่งเราสามารถดูเวลาของทั้งโลกได้เลยครับ ลองติดตั้งแล้วใช้งานดูครับ ผมว่าก็สะดวกดีครับ

เชื่อไหมว่า… เมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้ว ยังมีคนที่มีคำถามในหัวว่าแล้วจะลงสินค้าช่วงไหนดี (เชื่อผมเถอะว่ามี….) งั้นผมจะขอยกตัวอย่างการทำงานของผมขึ้นมาเลยแล้วกัน แบบให้เห็นภาพกันไปเลยจะได้เข้าใจง่ายๆ เน๊อะ….

สำหรับการลงสินค้าขายบนอีเบย์ หรือ กระบวนการทำงานในแบบของผม คือ ผมจะใช้เวลาในวันอาทิตย์วันเดียว จัดเตรียมข้อมูลสินค้า รูปภาพสินค้า เตรียมให้เรียบร้อยเป็นชุดๆ เพราะเราจะลงขายสองวัน คือเช้าวันจันทร์และเช้าวันอังคาร (ทำงานแค่สองวันเอง วันละ 2-3 ชั่วโมง งานออนไลน์ทำที่บ้าน รายได้ 2-3 หมื่น คุ้นๆ มั๊ยครับ กร๊ากกกก!!!) พอเช้าวันจันทร์-อังคาร ตื่นเช้าหน่อยประมาณตีห้าครึ่ง – หกโมงเช้า เสียบปลั๊กกาต้มน้ำ เปิดคอมฯ เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แปรงฟัน น้ำไม่อาบ (ขี้เกียจ…) ชงกาแฟเสร็จก็เข้าประจำที่ อย่าเพิ่งลงมือทำงานเลย ย้ำนะครับ อย่าเพิ่งลงมือทำงานเลย จิบกาแฟ แทะหนมปังไปก่อน ตอนนี้อาจจะเวลาหกโมงนิดๆ หกโมงครึ่งไรงี้ ไม่รีบครับไม่รีบ เราจะลงสินค้าตอนใกล้ๆ เจ็ดโมงเช้าไปจนถึงสิบโมงเช้าครับ ใส่ไปเลยมีกี่ชิ้นก็จัดไปครับ ผมจะค่อยๆ ทะยอยลงสินค้า ใช้เวลาในการลงสินค้าแต่ละชิ้นห่างกันไม่เกินห้าถึงสิบนาทีครับ เพราะจะได้เผื่อเวลาให้ลูกค้าคนที่ซื้อสินค้าไปแล้วก่อนหน้านี้ได้มีเวลามีโอกาสในการซื้อสินค้าชิ้นอื่นๆ ที่ใกล้ปิดประมูล เอาแบบนั่งแล้วไม่ต้องลุกไปไหนเฝ้าซื้อสินค้าเราไปเลยประมาณนั้นครับ ถ้าเราลงสินค้าตอนเจ็ดโมงเช้าก็เท่ากับเวลาสี่โมงเย็นยูเอส (โดยประมาณ) ลงสินค้าจนถึงสิบโมงเช้าก็เท่ากับเวลาหกโมงหรือหนึ่งทุ่มยูเอส (โดยประมาณ) ระยะเวลาการขายตั้งไว้ที่เจ็ดวันนะครับ เพราะสินค้าจะปิดการขายในวันอาทิตย์ และวันจันทร์ ในช่วงเวลาที่มีการซื้อขายสูงตามสถิติที่อ้างอิงไว้ ตามลำดับ ก็ประมาณนี้ครับ เข้าใจแล้วเน๊าะ…

ยังไงก็แล้วแต่… สถิติที่ผมเก็บมาและยกมาเล่าให้ฟังกันนั้น ก็เป็นเพียงแค่ข้อมูลสถิติทั่วๆ ไป เพราะปัจจัยที่จะทำให้เกิดการซื้อขายได้ก็มีหลายปัจจัย อย่างเช่น ตัวสินค้าที่นำมาขาย กลยุทธิ์การตั้งราคา หรือแม้แต่นโยบายร้านค้าของแต่ละร้าน เป็นต้น ก้อมีผลต่อการตัดสินใจในการซื้อสินค้าเช่นกัน แต่ถ้าจะสรุปง่ายๆ คงต้องบอกว่า คนที่เขามียอดขายที่ดีๆ บนอีเบย์ เขาปิดการขายกันในช่วงวันและเวลาที่ได้บอกไว้นั่นล่ะครับ แต่ขอสะกิดใจนิดนึงนะครับ ถึงแม้จะเป็นช่วงวันเวลาที่มีการซื้อขายดี แต่มันก็มักจะมีลูกค้าห่วยๆ หรือพวกชอบกวนทีนมาด้วยเสมอๆ ดูๆไปแล้ว ไม่ว่าจะทั้งแบบ offline หรือ online ผมว่าไม่ต่างกันนะในช่วง high-traffic ทุกวันนี้หน้าร้านผมเอง พอมีลูกค้ายืนเลือกสินค้านานๆ ก็จะมีฝรั่งมุงหยิบของโน้นนี่ แล้วโยนๆ จนต้องเดินไปตบกะโหลกมันเสมอเช่นกัน (พ่อค้าร้านนี้ดุครับ!!)

ศึกษาเรื่องวันและเวลา ในการลงสินค้าขายไปแล้ว ที่นี้จะลงขายกี่วันดีล่ะ? นั่นซินะ… มันมีตั้งแต่ วันเดียว 3 วัน 5 วัน 7 วัน หรือ ขายทั้งเดือนเลยก็ได้ เลือกไม่ถูก…

เฮ้ย… ลงขายประมูลแบบเจ็ดวันไง ก็เห็นเขียนบอกข้างบน? อ่านไม่จำ ลอกมันเลย จำง่ายด้วย ลงขายเช้าวันจันทร์กะเช้าวันอังคาร (กำลังคิดแบบนั้นกันอยู่ ชิ..มิ..)

คนส่วนใหญ่มักจะถูกชักนำในรูปแบบนี้เสมอๆ ครับ แต่ผมอยากให้คนที่จะขายของบนอีเบย์เกิดกระบวนการคิดมากกว่า อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ปัจจัยการขายสินค้าของแต่ละคน แต่ละบริษัทแตกต่างกัน เฉพาะการลอกรูปแบบของใครคนใดคนหนึ่งไปใช้ คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้เลย เพราะสิ่งที่คุณสามารถทำได้มีเพียงการลอกแบบเท่านั้น ไม่อยากใช้คำว่า “พวกคิดเองไม่เป็น สมองไร้รอยหยัก” เลยจริงๆ (พ่อค้าแม่ค้ามักปากจัดเสมอ มีใครไม่รู้เคยกล่าวไว้…)

เข้าเรื่องดีกว่า… สำหรับผมแล้ว ผมมองว่าจำนวนวันในการลงสินค้านั้น สำคัญเช่นกันครับ โดยผมมองว่า จำนวน 1, 3, 5, 7, หรือ 10 วัน เหมาะกับการวางสินค้าแบบประมูล และ 5, 7, 10, หรือ 30 วัน เหมาะกับการขายแบบกำหนดราคาสินค้าตายตัว กรณีที่เรามีสินค้าจำนวนหลายชิ้น ซึ่งการกำหนดแบบนี้จะสะดวกดีครับ อีกอย่างเราสามารถยกเลิกการขายเมื่อไหร่ก็ได้นะครับ หรือถ้าขายได้ สินค้ายังเหลือในสต๊อก ระบบก็จะทำการต่อเวลาออกไปให้อีก 30 วันครับ กรณีสินค้าหมดก่อน 30 วัน ระบบก็จะหยุดให้เลย ดีจริงๆ…

การเปิดประมูลแบบ 1 วัน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมทำกันครับ นอกจากมีปัจจัยบางอย่างเป็นตัวกระตุ้น ที่ผมสังเกตเห็นเองก็อย่างเช่น ขายตั๋วคอนเสิร์ต ตั๋วฟุตบอล หรือหาของที่มีคนอยากได้อยู่แล้ว ในห้องช่วยหาสินค้า (ไม่พูดถึงดีกว่าเดียวยาว) อะไรทำนองนี้ แต่ผมเองเคยทำอยู่สองครั้ง คือ ลงขายแบบประมูล 7 วัน มีลูกค้าเสนอราคาสูงสุดสองคนที่ผมรับราคาเสนอได้ พอดีสินค้ามีอยู่ 3 ชิ้น ผมก็ทำการ second offer คนที่สองไป บังเอิญเขาอยากได้อีกชิ้น ก็เลยต้องเปิดประมูลแบบ 1 วัน ในชิ้นนั้นอีกที ตอนนี้อาจมีบางคนคิดแบบโกงๆ ทำไมไม่เสนอขายกันนอกอีเบย์ไปเลยล่ะ ผมเองขอตอบ… ก็คิดแบบกลัวๆ น่ะสิ เออ… ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่อีเบย์มาซื้อ จะโดนแบนไหม กะอีเงินแค่ไม่กี่สิบเหรียญที่จะได้ในตอนนี้ แล้วต้องแลกอนาคตด้วยเงินที่จะได้จากการค้าอีกเป็นล้านบาทที่สามารถหาได้ก่อนเกษียญ อยากบอกว่าความคิดแบบนั้น “เมิงไทยมาก” ครับ โกงอะไรได้กรูโกง… อนาคตดับสนิท… คิดเผื่ออนาคตบ้างก็ดีนะครับ ชีวิตจะได้สบาย ทำอะไรก็จักเจริญรุ่งเรืองดี ดังคำที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” นะครับ เขียนไปเขียนมาพาลจะออกการเมืองเรื่อยเลย กลับมาๆ อืม…. อีกอย่างการมียอดซื้อขายดีนั้นก็อาจจะได้เครดิตเป็น Top Seller ด้วยนะเออ :D คุ้มกว่าเยอะ…

สำหรับการเปิดประมูลแบบ 3 วัน ผมแนะนำว่าให้ทำการขายแบบตัดราคา แล้วขายให้ได้ปริมาณเยอะๆ ใครชอบขายเร็ว ขายปริมาณ กำไรน้อยๆ จัดไปเลย… ส่วนใหญ่ผมจะใช้แบบนี้กรณีเดียวเลย คือเจอมือใหม่ หรืออาจจะมือเก่า กวนทีน แต่ไม่เก๋าประสบการณ์ มาตัดราคาสินค้าแบบเดียวกัน พูดง่ายๆ มันลอกผมไปขายอ่ะ ผมก็ลดราคาต่ำกว่าเขา ขาดทุนนิดหน่อยไม่เป็นไร เอาปริมาณไว้ก่อน พอมันขายไม่ได้ เดี๋ยวมันก็เลิกขายไปเอง แล้วค่อยกลับไปยืนราคาเดิมของเราอีกครั้ง

ส่วนการขายแบบประมูล 5 วัน กับ 7 วัน ผมมองว่าจำนวนวันกำลังดีนะครับ เพราะผู้ซื้อที่ต้องการหาสินค้า ยังมีโอกาสหาสินค้าเราเจอ แต่ไม่น่าเหมาะกับรูปแบบบริษัทที่จะขายบนอีเบย์ คือ ขายได้นะ แต่จริงๆ รูปแบบขายในเชิงธุรกิจบนอีเบย์ผมมีโมเดลอยู่ (ไม่อยากเขียนเดี๋ยวยาว) เพราะตอนทำงานให้กับบริษัทจิวเวลลี่แห่งหนึ่ง ผมเขียนโครงงานกลยุทธิ์แผนการขายเต็มรูปแบบบนอีเบย์สำหรับบริษัทไว้ อันนี้ขอข้ามๆ ไปนะครับ แอดวานซ์ไปแระ!!

ถ้าจะขายสินค้าชิ้นเดียวแบบกำหนดราคาขาย ให้ลงไว้ที่ 7 วัน และ 10 วัน ครับ แต่ถ้าสินค้ามีจำนวนเยอะๆ ลง 30 วันไปเลย คุ้มกว่าตารางแสดงวันของการปิดการขาย (ขอใช้ตัวย่อนะครับ) ผมทำไกด์ไลน์มาให้ดูกัน เผื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์อะไรกันได้บ้างนะครับ

date

อย่าลืมกันด้วยนะครับ ว่าเราใช้ “เวลาแปซิฟิก” ยังไงก็เทียบวันเวลาใหม่ด้วยนะครับ อย่าลืมๆ ไม่ได้ดูวันเวลาของในประเทศไทยนะครับ

สุดท้ายล่ะ…. เหมือนผมมาแบ๋ไต๋ตัวเองในบางเรื่อง บางหัวข้อเลย แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเองรู้สึกว่าเวลาเราจมอยู่กับอะไรนานๆ และบ่อยเกินไป จนมีแนวความคิดผุดเกิดขึ้นมาอย่างล้นหลาม คิดซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ทำซ้ำแล้ว ซ้ำอีก จนมันตกเป็นตะกอนความคิดแล้ว บางทีก็ถึงเวลาที่จะต้องปลดปล่อยออกมาบ้าง เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์อะไรใหม่ๆ เข้ามา เพื่อก่อให้เกิดแนวทางความคิดสร้างสรรค์ที่จะพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง ยังไงสำหรับใครที่อยากจะแก้มือ ขายของบนอีเบย์ไม่ได้สักที ก็ลองทบทวนแล้ว เทสอีกสักครั้งนะ ถ้ายังขายไม่ได้อีก ก็คงต้องแนะนำว่า “เลิกขาย เลิกทำเถิด คุณมันไม่มีจริตพ่อค้าแม่ค้า” โชคดีครับ มีความสุขและสนุกกับสิ่งที่ทำครับ ผลกำไรมันมีมาทุกทาง (อาจไม่ใช่ตัวเงินก็ได้นะครับ) ^_^