วันที่ 27 มกราคม 2557

เช้านี้ผมตื่นนอนก่อน Morning Call ตอนตี 3 ได้สักพักนึงแล้ว แต่ยังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเล่นอินเตอร์เน็ทกับโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงอีกพักใหญ่ ก่อนจะลุกจากเตียงไปทำภาระกิจส่วนตัวและใช้เวลาไม่นาน ในการจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ลงกระเป๋าเป้เสียใหม่อีกครั้ง แต่กระเป๋าเป้ต้องถูกขยายออกด้วยความจำยอม (กระเป๋าเป้ของผมเป็นแบบ 2 ชั้น) เพราะมีขนมตุ้บตั้บพม่า 3 ห่อใหญ่ กะ หุ่นกระบอกพม่าอีก 1  ตัวที่ซื้อไว้เมื่อวานนี้ ลงลิฟท์มาที่ชั้นล็อบบี้ก็เห็นพี่ซุปหัวหน้าทัวร์ของคณะเรานั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมเสียงทักทายที่เป็นกันเองว่า “มิงกะลาบา อรุณสวัสดิ์ครับ พี่บอย… ได้ข่าวว่าเมื่อคืนจะออกไปข้างนอกหรอครับ” ทักซะ… เล่นเอาผมไปไม่ถูกเลยทีเดียว พี่แสงไกด์พม่ากำลังเข็นอาหารเช้ามาจากด้านหลังเคาท์เตอร์ บรรจุอยู่ในกล่องโฟมขนาดใหญ่ มีกล้วย 1 ใบ ขนมปังทาแยม 2 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง และน้ำเปล่า 1 ขวด (ผมยัดอาหารเช้าทั้งหมดลงท้องจนเกลี้ยงตอนนั่งรอขึ้นเครื่องตั้งแต่สนามบินเลย เหลือไว้ก็แต่กล้วย 1 ใบ) สมาชิกคณะทัวร์ทั้งหมดของทริปนี้เริ่มทะยอยกันลงมาอย่างต่อเนื่องจนครบ พวกเราพร้อมเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินย่างกุ้งแล้ว

sunfar

เวลา 05.30 น. พี่แสงกำลังซื้อตั๋วเครื่องบินกับตัวแทนจำหน่ายตั๋วบริษัท Sun Far ของสายการบิน Myanmar Airline เสร็จแล้วก็แจกให้ลูกทัวร์คนละใบ พวกเรารอเช็คอินและโหลดกระเป๋ากัน ตาชั่งสำหรับชั่งน้ำหนักสัมภาระ ยังเป็นแบบตาชั่งน้ำหนักของการทางรถไฟบ้านเราอยู่เลยครับ แต่คิดว่าในอนาคตอันใกล้ อาจจะเปลี่ยนเป็นดิจิตอลแบบสนามบินนานาชาติทั่วไปแล้ว พี่ซุปหัวหน้าทัวร์บอกมาแบบนั้น ผมได้คุยกับพี่ไกด์เกี่ยวกับเครื่องบินที่จะใช้บินไปเมืองพุกาม เป็นเครื่องบินสองใบพัดแบบที่บางกอกแอร์เวย์ใช้เลยครับ น่าจะเป็นเครื่องบินรุ่นใกล้เคียงกัน ไม่น่ากลัวแต่อย่างใดเหมือนที่ใครๆ บอกมาว่าเป็นเครื่องบินเล็กนะครับ ใช้เวลาบินเพียง 45 นาที ไม่นานพวกเราก็ถึงเมืองพุกามแล้วครับ บนเครื่องเขาแจกขนมเบเกอรี่หน้าตาน่าอร่อยมากๆ ครับ แต่ไม่ได้ทานเก็บไว้ก่อน อิอิ

สถานที่แรกที่ได้ไปเที่ยวชมเมื่อมาถึงเมืองพุกาม (Bagan) คือ ตลาดยองอู (Nyaung-U) หรือ Mani Sithu Market เป็นตลาดท้องถิ่นมีขายทั้งอาหารสด อาหารแห้ง และของชำร่วยต่างๆ รวมถึงเสื้อผ้าและของที่ระลึก ใครอยากเห็นมะเขือลูกเท่ามะพร้าวต้องมาดูที่ตลาดนี้เลยครับ การเดินเล่นตลาดที่นี้ เราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่าในเมืองพุกามอีกแบบหนึ่งเลยครับ คำว่า “บ้านๆ” ใช้ได้ดีเข้ากับบรรยายกาศในตอนนี้เลย ที่นี่จะมีชาวพม่าและเด็กๆ มาขอเงินและอาหารทานนะครับ พี่ไกด์บอกไว้ก่อนที่จะนั่งเครื่องมาถึงเมื่อเช้า ผมเก็บกล้วยและขนมเบเกอรี่หน้าตาไฮโซ 3 ลูกใหญ่ๆ ดูน่าอร่อยที่ไม่ได้ทานบนเครื่อง (พูดแล้วน้ำลายไหล) ก็ตั้งใจจะนำมาให้เด็กๆ ที่นี่ล่ะครับ ผมเลือกเดินเอาไปให้แม่ลูกอ่อนคนหนึ่ง นางดูดีใจมากๆ ครับ ลูกก้อน่ารักดีครับ น่าจะยังไม่ถึงขวบ ใบหน้า ดวงตาแสดงให้เห็นถึงความดีใจ ขอบใจ และอื่นๆ ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกันตอนยื่นให้ แล้วนางทำท่าทางขอบคุณ ผมหันหลังเดินขึ้นรถพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ แต่ในใจกลับมีเรื่องคิดหลายเรื่องเลยในหนึ่งขณะจิต ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ (ก็เรื่องหนึ่ง) แต่เราเลือกที่จะเป็นและแบ่งปันได้ (ก็เรื่องหนึ่ง) ภาพสุดท้ายที่เห็นขณะรถเคลื่อนตัวออก เป็นภาพเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกแม่กำลังแทะกล้วยอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนแม่เด็กกำลังบ๊ายบายให้ผมอยู่ข้างกระจกที่ผมนั่งพอดี น้ำตาซึมเลยครับ ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป…

สถานที่สอง เป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานของประเทศพม่าครับ ใช่แล้ว นั่นคือ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwe Zi Gon Pagoda) ที่นี่บรรจุพระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าไว้ครับ สวยงามมาก จุดเด่นอีกมุม คือ การดูเงาสะท้อนยอดเจดีย์ผ่านบ่อน้ำเล็กๆ เรียก “หลุมน้ำ” น่าจะเหมาะกว่า ต้องก้มต่ำมากๆ และทำมุมตรงๆ ถึงจะเห็นครับ คือ หลุมน้ำอยู่บนพื้นคอนกรีต (คอ-นก-รีต) เลยครับ เป็นอีกหนึ่งอะเมซิ่งของวัดแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เจ๋งดีๆ ชอบครับ ทั้งไทย ทั้งพม่า มุงกันรอที่จะชมยอดเจดีย์ชเวสิกองผ่านหลุมน้ำนี้เต็มไปหมดเลยครับ สนุกดีๆ ส่วนอีกด้านหนึ่ง….. เดินอ้อมไปด้านหลังของเจดีย์จะมีระฆังบุเรงนองใบใหญ่ เขียนภาษาพม่าไว้เต็มเลยครับ อ่านไม่ได้ ฮ่าฮ่า ถัดไปก็เป็นหอนัต ซึ่งมีนัตเต็มไปหมดเลย ทุกนัตมีเรื่องราวของแต่ละนัตมากมาย ตามความเชื่อของชาวพม่านะครับ จะว่าไปแล้ว เปรียบเหมือนเทพเจ้าของจีนแบบนั้นก็ว่าได้นะ ผมว่าน่ะนะ อย่างเช่น เทพกวนอู พอสิ้นลม ชาวจีนก็นับถือกัน กราบไหว้เรื่องความซื่อสัตย์ อะไรประมาณนี้ นัตก็เหมือนกันครับ อย่าง…นัตโบโบยี หรือเทพทันใจ ตอนมีชีวิตก็ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก สิ้นลมไปคนพม่าก็มานับถือกราบไหว้ เป็นเช่นนี้แล ประมาณนี้ๆ ที่นี้จะมีเด็กๆ วิ่งมาขายพวกโปสการ์ดแบบวาดเองนะครับ ผมได้เด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินตาม ผมก็ชวนเขาคุยไปเรื่อยๆ เขาบอกชอบผม เพราะคุยสนุกดี จริงๆ น้องเขาพยายามขายโปสการ์ดแฮนด์เมดฝีมือช่างศิลป์ของเขาอยู่ ผมไม่ได้ซื้อนะ แต่สนุกที่ได้คุยกับเด็กๆ

Shwa Zi Gon Pagoda

หลังจากนั้นเราก็ไปเจดีย์ต่างๆ ที่มีนับพันในเมืองพุกามนี้ คือเยอะมากๆ แต่คงไปไม่ครบทุกเจดีย์นะครับ ตั้งหลายพันกว่าเจดีย์ พี่ไกด์และหัวหน้าทัวร์พาไปประมาณ 8-9 เจดีย์ โดยเริ่มจาก
1 เจดีย์อโลต้อเก้

2 เจดีย์วิหารติโลมินโล (Hti Lo Min Lo Temple) สถาปัตยกรรมที่นี้สวยงดงามมากครับ บริเวณโดยรอบมีร้านขายของจัดเรียงเป็นระเบียง มีของน่าซื้อมากมายให้เลือกเลยนะครับ แต่ด้วยความที่เป็นจุด Hit Hot ของแหล่งท่องเที่ยวราคาก็จะถูกบวกแพงไปเลยนะครับ ต่อรองตามกำลังที่เราจะซื้อได้นะครับ ผมว่ากำลังดี รับราคาไหนได้ก็ซื้อเลยครับ เดี๋ยวจะพลาดแบบผม คือ ผมอยากได้ตราชั่ง ไม่ใหญ่มาก ขนาดกำลังดี ไว้ตั้งโชว์ในบ้านเพราะดูคลาสิกมาก กับ หมากรุกพม่า อันนี้ใหญ่มาหน่อย ขอเล่ายังงี้ครับว่า ตราชั่ง ผมถามราคาจากตลาดยองอูแล้ว ราคาแม่ค้าบอก คือ $30 ลองต่อแม่ให้ที่ $20 แต่ไม่ได้ซื้อเพราะลายกับแบบไม่สวย พี่ซุปหัวหน้าทัวร์บอกว่า ดูๆ ไว้ก่อน ข้างหน้ายังมี แต่ที่นี้ถูกที่สุดแล้ว แต่แบบมีให้เลือกน้อย พอมาที่นี้ แม่ค้าบอก $45 ผมก็ลองต่อเหลือ $20 เลย ของที่นี้ดูดีกว่าและมีแบบให้เลือกเยอะสวยมาก ต่อรองกันนานนะครับ ใส่ลูกเล่นกันเต็มที่เลย ได้เต็มที่ $25 (ผมยังอยากได้ที่ $20 นะ) คราวนี้ลองถามราคาหมากรุกบ้าง แม่ค้ามองหน้าแล้วบอก ราคา $85 โห… ราคาสูงเหมือนกันนะ ลองต่ออีก ต่อเล่นๆ (นิสัยไม่ดี ฮ่าฮ่า) $50 แม่ค้าให้ $65 ผมเลยรวมราคาทั้งสองอย่างเสนอไปที่ $75 นางไม่ให้เลยไม่ได้ซื้อครับ จริงๆ ผมว่า $85 ก็ไม่แพงแล้วนะ แต่ดันเล่นตัวไม่ซื้อมา ทุกวันนี้มานั่งเสียดายอยู่ด้วยความอยากได้ ฮือ ฮือ อ่อ… มีอีกหนึ่งเรื่องครับ พอดีในคณะทัวร์มีแม่ท่านหนึ่ง คือ แม่แตงอยากซื้อเสื้อไปฝากลูกชายครับ ผมเลยไปอ้อล้อช่วยต่อราคา เสื้อราคา 200 บาท แม่ค้าลดให้เหลือ 180 บาท ผมต่อราคาไป 150 บาท ก็ว่าน่าตกใจแล้ว แม่ค้ายอมขาย พอดีแม่แตงมากับอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งครับ อาจารย์บอกไม่เอาแพงไป หนึ่งร้อยบาทได้มั๊ย แต่น่าตกใจกว่า แม่ค้าบอกว่าเลือกได้เลย แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นอีก คือ หัวหน้าทัวร์บอกปกติเขาขายเสื้อกันราคา 60-80 บาท เจ้าแม่!!! ฮ่าฮ่าฮ่า (ทรีไทม์เลย) แต่อย่างที่บอกแหล่ะครับ อยากได้ของอะไรซื้อเลยครับ ในราคาที่เราวางงบไว้ ไม่งั้นอาจพลาดของที่อยากได้ก็เป็นได้ครับ เสียดายๆ

3 เจดีย์วิหารมนูหะ (Manuha Temple) หรือ พระอึดอัด พอเข้ามาในวิหารก็จะเห็นบาตรยักษ์ตั้งอยู่กลางโถงไว้ให้เราหยอดเงินทำบุญกันครับ เก๋กู๊ดไอเดียดีครับ ชอบๆ ประวัติวัดนี้ คร่าวๆ ประมาณว่า พระเจ้ามนูหะ ซึ่งเป็นกษัตริย์มอญ พ่ายศึกให้แก่พระเจ้าอโนรธา เลยถูกจับกักบริเวณไว้ ด้วยพระเจ้ามนูหะศรัทธาเลื่องใสพุทธศาสนา จึงสร้างวัดสไตล์มอญขึ้น แรกเริ่มสร้างนั้น สร้างองค์พระขึ้นมาก่อน แล้วสร้างวิหารขึ้นมาที่หลัง มีคนตั้งสันนิฐานออกไปเป็นสองกรณี เหตุว่าทำไมพระพุทธรูปถึงคับวิหารเช่นนั้น คือ 1 ทรัพย์สมบัติท่านอาจเริ่มลดน้อยลงมากไม่เพียงพอต่อการสร้างวิหารขนาดใหญ่ๆ ได้ กับ 2 ท่านทรงอยากให้รู้ถึงความรู้สึกของพระทัยว่า อึดอัด แค่ไหนก็เป็นได้ จึงได้สร้างวิหารเล็กคับองค์พระ เมื่อเข้าไปก็รู้สึกได้ว่าอึดอัดจริงๆ ครับ

ผ่านไป 3 เจดีย์แล้วก็ถึงเวลาทานอาหารเที่ยงกัน คณะเราไปทานอาหารริมแม่น้ำอิระวดีครับ เป็นช่วงน้ำลง อากาศดี บรรยากาศดี แม่น้ำกว้างมากๆ วิวสวยครับ ทานอาหารเสร็จก็ไปแวะชมอุตสาหกรรมเครื่องเขินของพม่ากันเป็นการเดินย่อยอาหารครับ

4 เจดีย์วิหารชเวกูจี (Shwe Gu Gyi Temple) เจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นนานมากแล้ว จนทรุดโทรม แต่ได้พระเจ้าบุเรงนองบูรณะขึ้นมาใหม่ครับ ประวัติเจดีย์นี้ตั้งแต่ก่อนสมัยพระเจ้าอลองสิทธูลองหาอ่านกันดูนะครับ คือนานของนานเลยครับ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กพม่าอีกแหล่ะ เมื่อเช้าตอนที่ไปพระเจดีย์ชเวสิกอง ผมได้เจอน้องผู้ชายคนหนึ่ง พอมาที่นี้ก็เจออีกแล้วครับ แบบเดินมาทักกันเลยทีเดียว ฮามากครับ คราวนี้ผมก็ชวนคุยเป็นเรื่องเป็นราวมาอีกนิด

เด็กพม่า: Hi…
ผม: Hay! What’s up ตกใจนิดหน่อยเจอกันอีกแล้ว
เด็กพม่า: Do you remenber me? ยิ้มแก้มปริเลย
ผม: I never saw you before
เด็กพม่า: ชูนิ้วโป้ง แสดงอาการง้อนผม
ผม: เดินมาหรอ?
เด็กพม่า: บินมา
ผม: superman ว่างั้น? ห๊า…
เด็กพม่า: ขอเงินหน่อย 20 บาท
ผม: ไม่มี เมียยึดกระเป๋าตังค์
เด็กพม่า: คนไทยหรอ?
ผม: เกาหลี พร้อมกับทักทายเป็นภาษาเกาหลี อันยองฮเซโย
เด็กพม่า: ยองยองเซโย ขอดูเงินหน่อย เกาหลีน่ะ
ผม: มีจั๊ตดูไหม
เด็กพม่า: โชว์เงินในมือทุกสกุลเงินที่มี ประมาณ 20 กว่าสกุลเงิน พร้อมกับบอกเสียงแจ๊วๆ ว่า สะสมๆๆๆๆ
ผม: อายุเท่าไหร่เราหน่ะ?
เด็กพม่า: 11 ขวบ
ผม: แทบัค!!! อุทานออกมาเป็นภาษาเกาหลีเลย ฮ่าฮ่าฮ่า
เด็กพม่า: ขอเงินวอนหน่อย
ผม: แลกกัน ขอเฉยๆ ได้ไง มีดอลล่าร์ไหม เอามา 1 ดอล เดี๋ยวให้ 20 บาท
เด็กพม่า: นิ่งทำท่าคิดซักพักแล้ว มันก็ยิ้มกึ่งหัวเราะ และทำหน้าเขิลๆ พร้อมร้องเสียงหลงว่า โน โนนนน โนนนนนนนนนน
ผมและหัวหน้าทัวร์ได้แต่ยืนหัวเราะให้กับความฉลาด ความก๋ากั่นและแก่แดดแก่ลมของเจ้าหนูคนเนี๊ย จริงๆ เล๊ยยยย…. ฮ่าฮ่าฮ่า ก่อนแยกกันเดินไปคนละทางก็ขอกอดทีนึง เพราะโค-ต-รหมั่นเขี้ยวเลย ไม่ได้ถ่ายภาพน้องเขามานะครับ เหตุเพราะน้องมันบอกถ้าถ่ายคิด 1000 จั๊ต อยากเตะมัน ฮ่าฮ่า
**ส่วนเสริมอีกนิดของเด็กคนนี้ คือ ผมยังเดินถ่ายภาพเก็บบรรยากาศรอบๆ อยู่ เห็นเจ้าแสบนี่กำลังคุยกับฝรั่งนางนึงอยู่ มันโชว์แบงค์ให้เขาดูแล้วบอกยังไม่มียูโรเลย ขอหน่อยสะสม ได้ยินแล้วอยากเดินไปเขกกบาลมัน เพราะตอนที่มันให้ผมดูนั้น มีเงินแบงค์ยูโรด้วย อืม…. เอากะมัน แสบจริงๆ แต่น่ารักดีนะ ผมว่าเด็กคนนี้ในอนาคตต้องได้ดี หรือไม่ก็ต้องประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วกว่าเพื่อนๆ วัยเดียวกันแน่ๆ เลยครับ ผมเชื่อแบบนั้น

5 เจดีย์วิหารทัตบินยู (That Byin Nyu) หรือที่คนไทยเรียกว่า เจดีย์สัพพัญญู ที่แปลว่า ผู้ตรัสรู้ เจดีย์แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม

6 เจดีย์วิหารอนันดา (Ananda Temple) หรือ อนันทวิหาร ที่วิหารนี้จะมีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง เวลาเราอยู่ไกลๆ พระพักตร์องค์ท่านจะยิ้มกว้างเลย แต่พอเดินเข้าหาใกล้ๆ พระพักตร์ท่านจะกลับบึ้งตึงใส่ซะงั้นเลย ก็เป็นมุมแปลกๆ ดีอีกมุมหนึ่งครับ มาดูกันๆ

Bagan

7 คณะทัวร์ของเรานั่งรถม้าไปเจดีย์วิหารธรรยางจี (Dhammayan Gyi Temple) เจดีย์นี้ถือได้ว่าเป็นเจดีย์ที่ใหญ่มโหรฬารที่สุดในเมืองพุกามครับ สร้างเหมือนพระราชวังเลย คือ มีชั้นนอกและชั้นใน ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ฟังพี่ไกด์คร่าวๆ แล้วก็เดินไปหามุมเก็บภาพถ่ายเลยครับ

8 เจดีย์วิหารชเวสันดอว์ (Shwe San Daw Pagoda) เจดีย์แห่งนี้เป็นเจดีย์ที่ทุกคนจะต้องได้มาปีนขึ้นไป เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตก มีทั้งหมด 5 ชั้น แนะนำให้ปีนด้วยความระมัดระวังครับ ผู้สูงอายุและเด็กควรมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด หากชอบถ่ายภาพผมแนะนำให้เอาขาตั้งกล้องมาด้วยจะได้ภาพสวยๆ ครับ ช่วงเช้าจะมีบอลลูนด้วยนะครับ วิวที่ถ่ายก็จะติดบอลลูนด้วยครับ ดูคัดสายตาไปอีกแบบ แปลกดี สิ่งปลูกสร้างโบราณกับอุปกรณ์เดินทางปัจจุบัน เข้ากั๊นนนน เข้ากัน…

sunbagan

หลังจากเฝ้าดูพระอาทิตย์ลาขอบฟ้าไปแล้ว คณะเราก็ไปทานอาหารค่ำกันที่ภัตตาคารนันดา โต๊ะละ 4 คน อาหาร 8 อย่าง จุก! นั่งทานอาหารไป ชมการแสดงหุ่นกระบอกเชิดไปด้วย เพลินเลยครับ

ค่ำคืนนี้พวกเราฝากร่างกายไว้กับ Shwe Yee Pwint Hotel พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปขึ้นเครื่องเพื่อไปมัณฑะเลย์ครับ แต่คืนนี้ก่อนนอนขอดื่มด่ำบรรยากาศริมสระน้ำซะหน่อยครับ >>> วันที่ 4 ทริปพม่า

Shwe Yee Pwint Hotel