ความทุ่มเทให้กับตนเอง
วันที่ควรว่างแต่ไม่ว่าง กับสมองที่ไม่เคยว่างด้วยความคิดที่อธิบายยากต่อความรู้สึกของวันนี้ เกิดจากคำถามในสมองสั้น ๆ ว่า ทำไมเมื่อก่อนไม่ทำงานตัวเองให้ได้เหมือนที่ทำงานบริษัทฯ
ในที่สุดก็ลาออกจากงานประจำ ระยะเวลา 6 เดือน 17 วัน ของการทำงานออฟฟิศ…จบสิ้นลง 30 พฤศจิกายน เรียบร้อย ได้พักสมอง พักกาย พักใจ 7-8 วัน แล้วกลับมาโฟกัสงานขายของของตัวเองใหม่ มีสิ่งที่อยากทำ อยากเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ เกี่ยวกับรูปแบบการขายสินค้า หากลองทำแล้วขายดีจะมาบอกเล่าประสบการณ์ให้ฟังกัน
สินค้าที่ผมขายมาตลอด 10 กว่าปี ต้องยอมรับว่าไม่ใช่สินค้าเงินล้าน ไม่ใช่สินค้าขายดี เพียงแต่เป็นสินค้าที่ขายได้เรื่อยๆ เท่านั้น สำหรับแผนที่วางไว้สำหรับสินค้าตัวนี้ คือ ขยายตลาดต่างประเทศอีกนิดหน่อยก็จะพอแล้ว โดยลงขายเพิ่มในอีเบย์กับแอมะซอน และเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ลงไป โดยใช้ Printful และ Printify มาร่วมในการทำงานด้วย เพื่อลดเวลาในการแพ็คของ ส่งของเอง
เมื่อช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจ Print on Demand (POD) กับผู้รู้หลาย ๆ คน จ่ายค่าคอร์สไปรวมๆ ก็หลายหมื่นบาท แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ อย่างเช่นธุรกิจ Merch on Demand by Amazon ยากมากครับ ในการจะผ่านไป Tier สูง เพื่อลงงานได้เยอะ ๆ และมีรายได้สม่ำเสมอ ท้อมาก จนได้มีโอกาสนัดเจอกับน้องผู้สอนท่านนึง ได้พูดคุยกันเรื่องความเชื่อ หลังจากที่คุยเรื่องงานจบลง น้องบอกว่า บางคนโชคชะตาคนเรากับธุรกิจที่เราทำ อาจไม่สมพงษ์กัน บางคนไม่รู้เรื่องไม่เป็นอะไรเลยกลับทำรุ่งเรืองขายดี บางคนเก่งแต่ก็ไปไม่รอด ต้องหาและปรับในจุดที่เรายืนได้ ผมคิด.. ก็อาจจะจริงนะ!!
หลังจากวันที่ได้คุยกับน้องผู้สอนแล้ว วันรุ่งขึ้นเลยลงสินค้าในแอมะซอนด้วยงานดีไซน์ที่เคยลงใน Merch ก่อนหน้านั้นแล้วขายไม่ได้ดู ลงแบบไม่ได้คิดอะไร เพราะยังไงทุกเดือนก็ต้องจ่าย $39.99 อยู่แล้ว เพราะมีวางขายสินค้าของตัวเองอยู่ สรุปว่าผ่านไป 10 กว่าวัน แบบดีไซน์เสื้อตัวนั้นขายออก แต่ใน Merch ไม่ออก น่าแปลกใจปนตลกมาก เลยนึกถึงเรื่องความเชื่อเรื่องโชคชะตาที่น้องพูดถึง เพราะพื้นดวงแต่ละคนถูกกำหนดมาไม่เหมือนกัน เลยนั่งคิดว่า เอิ่ม.. เรามันอาชีพพ่อค้าสินะ ต้องลงทุน ลงแรง ดิ้นรนกว่าคนอื่นนิดๆ ถึงจะได้เงินมา เลยมีความคิดที่จะขายของจากสินค้า Digital Products เปลี่ยนเป็น Physical Products ซะเลย หากลูกค้าอยากคืนของก็คืนมา รีฟันได้ไม่มีปัญหา ก็คงไม่ต่างกับสินค้าที่เคยขายอยู่ก่อนแล้ว ดีซะอีกไม่ต้องแพ็คของส่งเอง ได้หมุนเงินซื้อของ ได้คำนวณต้นทุน ก็สนุกดี
ขอจบแบบบอกกลยุทธ์เล็กๆ สำหรับคนที่ทำ Merch on Demand แล้วอยากขยับเทียร์ หากเทียร์ยังน้อยอยู่ ทีแรกว่าจะเขียนในบทความต่อไป (น่าจะปีหน้า) แต่บอกเลยก็แล้วกัน จริงๆ มีเขียนแผนไว้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ขอทดสอบก่อน แต่ทริคที่จะบอกนี้ ลองมาแล้วและช่วยเพิ่มเทียร์ได้ด้วย คือ ซื้อเอง แต่ซื้อส่งให้คนอื่น บอกแค่นี้จะโกรธกันไหมนะ!!
แบบนี้ครับ… ผมออกแบบดีไซน์งานเสร็จ ก็ทำลง Mockup แล้วโพสลงขายใน FB Marketplace (เพื่อนไม่รู้และไม่เห็น) ลอง Research รัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ ดูก่อนนะครับว่ารัฐไหนสนใจเสื้อแบบไหน แล้วโพสเสื้อเราลงขายในรัฐนั้นๆ หรือจะกระจายหลายๆ ที่ก็ได้ครับ ลงไปเรื่อยๆ ตั้งกำหนดราคาเองได้เลย (ผมตั้งราคาไว้ที่ $15 ค่าจัดส่ง $7) เมื่อพูดคุยกับลูกค้า ลูกค้าสั่งซื้อแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ เอาแบบลายนั้นไปใส่ใน Merch รอ Publish (ผมเดาว่าทุกคนที่ทำธุรกิจนี้มีบัญชี merch ที่ซื้อมา และ บัญชีส่วนตัวของตัวเอง) เข้าบัญชีส่วนตัวของตัวเองนะครับ แล้วสั่งซื้อส่งไปให้ลูกค้าอีกที เพราะที่อยู่เราในแอมะซอนเราสามารถเพิ่มใหม่ได้ครับ ข้อดีคือหากลูกค้าขอคืน ส่งคืนกลับแอมะซอน เราก็ได้เงินคืนไว้คืนลูกค้าอีกที แต่ที่ผ่านมายังไม่มีส่งคืนเลยครับ อาจเพราะยังขายได้ไม่เยอะพอที่จะเกิดปัญหาให้แก้ตามมา แต่ได้ยอดขาย รอเทียร์ปรับแน่นอน แค่บอกเล่าประสบการณ์สู่กันฟังนะครับ ผมไม่ได้เก่งและถนัดในธุรกิจนี้ ดวงไม่สมพงษ์เลยต้องหาหนทางขายให้ได้และต้องขยันกว่าคนอื่นๆ เขา | สำหรับเรื่องความเชื่อนั้น ผมคิดว่า 30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฝ่าฟัน ลงมือทำ ให้เหนือกว่าโชคชะตา..
ขอให้ปีหน้า เป็นปีที่ดี สำหรับทุกคนที่มีเป้าหมายชัดเจน และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งหวังไว้นะครับ