ว่าด้วยเรื่องชีวิตประจำวัน

ภาระกิจประจำวันหลังจากตื่นนอน ก็นั่งจิบกาแฟ เปิดเว็บดูรายการสั่งซื้อของลูกค้า จัดเตรียมสินค้า นั่งแพ็คกิ้งบรรจุกล่อง แล้วออกไปส่งของ ก็ถือว่าเสร็จสิ้นงานหลัก ๆ ประจำวันแล้ว หากมีลูกค้าออเดอร์มาในระหว่างวัน ไม่ว่าจะสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก ก็นั่งแพ็คสินค้าและออกไปส่งเลย แต่หากสินค้าในสต็อกหมด ก็ต้องออกไปซื้อของเข้าสต็อก แล้วกลับมาแพ็คของส่งลูกค้าต่อไป งานหลัก ๆ มีเพียงเท่านี้ ใช้ชีวิตแบบนี้มา 2-3 ปี

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผมได้เริ่มขยายงานไปทำ Dropshipping Marketing มากขึ้น โดยเอาเวลาที่ว่าง ๆ ระหว่างวันนั่งหาสินค้า แล้วลงขายในเว็บที่ทำดรอปชิบ ลงสินค้าไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้โฟกัสจริงจัง ยอดขายเลยไม่จริงจังไปด้วยเอาเสียเลย เดือนนึงขายได้ 4-8 ออเดอร์ ก็ประมาณร้อยกว่าเหรียญสองร้อยเหรียญหักต้นทุนแล้วก็เหลือกำไรอยู่ประมาณพันกว่าสองพันบาท เริ่มจะมาจริงจังก็ต้นเดือนนี้ล่ะครับ เพราะวางเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น รวมถึง.. กลยุทธ์ที่จะนำมาใช้เพิ่มยอดขาย (ไว้จะเขียนบทความเล่าให้อ่านกันครับ)

การทำดรอปชิบหรือขายสินค้าทั่วโลก ต้องคิดเยอะสักหน่อยคู่แข่งเยอะมาก หากจะมองการทำการตลาดในไทยเทียบกับทั่วโลก สำหรับผมแล้วในไทยยังง่ายกว่ามาก ๆ สำหรับการทำ Search Engine Marketing และ การโปรโมทสินค้า แค่มีเว็บไซต์ (SEO ดี ๆ หน่อย) มีเฟซบุ๊ก แล้วลงโฆษณา Google Adwords อีกนิดหน่อย เพียงแค่นี้ยอดขายต่อวันก็เกิน 2-3 พันบาทแล้วสำหรับสินค้าที่ผมจำหน่ายอยู่ ยังไม่รวมการทำการตลาดผ่านไอจี ทวีตเตอร์ หรือ ทำโฆษณาบนเฟซบุ๊กนะ แต่พอจะขายสินค้าทั่วโลก โอ้โห!! มันต้องใช้เงินทุนหมุนเยอะวุ้ย.. ธุรกิจคือการลงทุนน่ะนะครับ ขอให้มีกำไรเหลือเป็นพอ แต่ก็ต้องจัดการงบดุลให้ดีี เพื่อบริหารสภาพคล่องของธุรกิจ.. คิด ๆ แล้วนึกถึงตอนทำ Amazon Associate สมัยทียังไดเรกลิงค์ (Direct Links) ได้ ยิงโฆษณากันสนุกมาก ๆ ใช้เงินทุนโฆษณาต่อวันหลักหลายพัน แต่ก็ได้ยอดขายกำไรกลับมา พอทุนหมดจบเลย แล้วรอลุ้นเงินที่แอมะซอนจะโอนมาให้ หากโดนแบนก็จบชีวิต.. แหะแหะ

ทำไมถึงชอบขายของออนไลน์

สำหรับผมเอง วนเวียนอยู่กับกระแสการหาเงินออนไลน์มาโดยตลอด 10 กว่าปี ไม่เคยหยุด อาจเพราะ Passion ล้วน ๆ ความชอบส่วนตัวเลยครับ ขนาดเมื่อก่อนมีหน้าร้านขายสินค้าก็ยังไม่วายทำเว็บขึ้นมา รวมถึงนำสินค้าไปลงขายในอีเบย์และแอมะซอนอีกด้วย อีกอย่างช่วงเวลาที่ทำงานออนไลน์ พอโฟกัสกันจริง ๆ มันเห็นเม็ดเงินอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมากทุกช่องทาง อยู่ที่เราจะศึกษาเรียนรู้เอาจริงเอาจังและอดทนฝ่าฟันกับมันไปได้แค่ไหน ไม่ว่าจะทำ Affiliate Marketing, e-Commerce, ขายสินค้าบน Marketplace อาทิ eBay, Amazon, Lazada ฯลฯ แม้กระทัั่งการติดพวก contextual ads ภายในเว็บ เพื่อสร้างรายได้ หรือ ขายภาพถ่ายต่าง ๆ บลา บลา งานออนไลน์มีหลากหลาย ให้เราเลือกสนามลงเล่น และ ทุกสนามมีเม็ดเงินมหาศาลในธุรกิจนั้น ๆ อยู่ที่ว่าเราจะจริงจังด้านใดและแบบไหนที่ถูกจริตกับเรา ที่สำคัญมันต้องสร้างรายได้ที่ดีให้กับเราด้วยเช่นกัน..

  

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเรียนรู้ฝึกฝนงานด้าน Internet Marketing มาโดยตลอดทุกรูปแบบ แต่ที่โดนใจและถูกจริตด้วยก็คงหนีไม่พ้น การทำ e-Commerce และขายสินค้าบน Marketplace อย่างอีเบย์และแอมะซอน โดยสร้างรายได้ทำกำไรมามากและนานพอสมควร จนน้อง ๆ แลเพื่อน ๆ มักจะขอคำแนะนำหรือให้ช่วยสอนให้อยู่เสมอ และทุกวันนี้พวกเขาก็สามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่ผมสอนและแนะนำให้ เป็นความภูมิใจอย่างนึงเลยทีเดียว

หลาย ๆ ครั้ง เพื่อน ๆ มักจะบอกให้เปิดคอร์สสอน แต่ผมเองสอนไม่ค่อยเก่ง เน้นจับมือทำ Workshop และส่วนตัวแล้วรายได้ที่ได้ก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไร แค่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เหลือเก็บไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ซื้อทองแท่งเก็บไว้บ้าง คนไทยวงการนี้ชอบดราม่า ประมาณว่า คนสอนต้องทำเงินได้เดือนหลักหลาย ๆ ล้านก่อนไรงี้ ก่อนจะเที่ยวไปสอนใคร ๆ ได้ ผมเคยคิดนะแบบจริงจังเลย เอ.. เหล่าคณาจารย์ด็อกเตอร์ที่สอนเศรษฐศาสตร์ สอนการตลาดเจ้าสัวในเมืองไทย ทำไมไม่รวยกว่าลูกศิษย์ล่ะ แล้วเราจะไม่เรียนกับเขาหรอ? ก็อยู่ที่มุมมองเนาะ!! เพราะคนสอนเขารู้แนวทางที่จะสามารถสร้างรายได้ได้จริง ส่วนลูกศิษย์จะนำไปต่อยอดวิชาที่ได้ร่ำเรียนและเรียนรู้มาอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละบุคคล..

แต่เชื่อเถอะ.. ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ต่อให้ประสบความสำเร็จแล้ว ก็ยังมีคนอีกประเภทที่จะบอกกับคุณว่า ทำธุรกิจนั่นนี่ประสบความสำเร็จมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทำไมไม่เก็บไว้ทำคนเดียว จะสอนให้คนอื่นมาเป็นคู่แข่งทำไม! และก็จะสงสัยอีก.. ว่ารวยจากธุรกิจที่ทำอยู่นั้นจริง ๆ รึ? หรือหวังรวยจากการเปิดคอร์สสอน.. นั่นไง!! คนประเภทนี้ก็มีเยอะในสังคมไทย ถ้าจะว่ากันจริง ๆ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่ว่าคนสอนมีความรู้ ความเข้าใจในหลักวิชาที่จะสอนนั้นชัดเจนแค่ไหน เพราะอาจารย์เก่ง ๆ บางคนที่ผมรู้จัก ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดก็มีเยอะ สู้ถ่ายทอดวิชาที่มีอยู่ให้คนอื่นนำไปใช้ประโยชน์น่าจะดีกว่าเก็บไว้คนเดียว บางทีผมก็นับถือคนเก่งที่ยังไม่ประสบความสำเร็จที่ถ่ายทอดแนวทางให้นะ แบ่งปันประสบการณ์กัน เพราะอย่างน้อยคุณค่าในตัวเขามีสูงกว่าพวกคิดอคติเยอะ.. และเชื่อว่าวันนึงพวกเขาจะประสบความสำเร็จหากไม่หยุดพัฒนาและเรียนรู้อยู่เสมอ

คิดว่าจะสอนขายสินค้าออนไลน์แล้วจะสอนอะไร?

จริง ๆ แค่อยากแบ่งปันความรู้ที่มีอยู่ก็เท่านั้น แต่คงจะไม่ได้เปิดสอนจริง ๆ เป็นสิ่งที่แค่ “อยากทำ อยากแบ่งปัน” เพราะเห็นจากหลาย ๆ ครั้ง เวลาได้พูดคุยกับใครที่พบเจอ พอรู้ว่าขายของออนไลน์ ทำอีเบย์ ทำแอมะซอน โน้นนี่นั่น เขาก็จะสนใจอยากทำ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ก็แนะนำไปตามที่ผมทำปกติ แต่บางคนก็อยากให้สอน และ/หรือ จะจ้างให้ทำให้เลยก็มี อะไรประมาณนั้น..

จะว่าไปแล้วผมเองเป็นเพียงแค่ “กูรู้” ไม่ได้เป็น “กูรู” อะไร เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ลงมือทำเองมาโดยตลอด สังคมวงการนี้ชอบ “กูรู” เอาจริง ๆ ผมว่าบางเรื่องเทคนิคบางอย่างผมอาจรู้และทำได้ดีกว่า “กูรู” ก็ได้นะ ผมยังเชื่อว่าไม่มีใครรู้และเก่งไปเสียทุกเรื่องจริง ๆ ผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึง ท่านบอก “ยิ่งทำตัวฉลาดจะไม่ฉลาดขึ้น (พวกน้ำเต็มแก้วที่คิดว่าตนเองเก่งและเหนือกว่าคนอื่น) หากคิดว่ายังไม่ฉลาดจะฉลาดขึ้นทุกวัน” ท่านว่า..ท่านฟังมาจากท่าน ว.วชิระ อีกที เลยบอกเล่าให้ผมฟัง

บทส่งท้าย

วันอาทิตย์ว่าง ๆ ฝนตกพร่ำ ๆ นั่งจิบกาแฟ  ฝึกเขียนบทความ ไปเพลิน ๆ ถือเป็นวันพักผ่อนอีกวัน โดยส่วนตัวชอบเก็บตัวเงียบ ๆ ทำ e-Commerce หรือหารายได้ออนไลน์มานาน ไม่ค่อยสังคมนัก แต่หากใครสนใจแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำ e-Commerce การขายสินค้าบนอีเบย์ หรือ แอมะซอน ก็ติดต่อเข้ามาพูดคุยกันได้นะครับ หากจะให้แนะนำอะไรก็ยินดีเสมอ.. ไว้เจอกันบทความหน้าครับ จะพยายามเขียนให้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่อง Internet Markerting ครับ ^_^

[vivafbcomment]