ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ได้มีโอกาสกลับไปเจอครอบครัว (พ่อแม่พี่น้อง) ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด ในใจทีแรกก็คิดว่าจะเดินทางไปยังไงดี รถทัวร์ รถไฟหรือเครื่องบินดี แต่ก็คิดนะว่าอาจจะเดินทางโดยขี่มอเตอร์ไซค์ไป ก็็ลังเลใจมาก ๆ คิดมากเรื่องอุบัติเหตุ รถก็ไม่ใช่ Big Bike เส้นทางจังหวัดที่จะไปก็ไม่เคยไป กลัวหลง นั่งค้นหาเส้นทาง จุดแวะเติมน้ำมัน จุดพักคนและรถ อายุเยอะแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ทางไกลกว่า 700 กิโลเมตรจะไหวมั้ย.. ถ้าจะเดินทางให้ถึงเลยในวันเดียว หรือ จะแวะนอนพักระหว่างทางดีจะพักจังหวัดอะไร ถึงช่วงนั่นนี่กี่โมง หากเริ่มตะวันตกดิน เพราะสายตาไม่ดี การมองเห็นในเวลากลางคืนไม่ค่อยดีนัก

หลังจากสาระวนอยู่กับความคิด ความกลัวการเดินทาง การหาข้อมูลเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ในอ่างมิติของสมองได้ 2-3 วัน พอเปิดยูทูปขึ้นมา ว่าจะฟังเพลงให้ผ่อนคลายหายเครียดสักหน่อย ก็มีคลิปเกี่ยวกับการเดินทางเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์โผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด ลองนั่งดูซักพัก เฮ้ย… มีน้องผู้หญิงขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวข้ามจังหวัดกันเยอะมาก นี่คืออะไร!! คิดในใจตอนนั่งดูคือ กูเป็นผู้ชายนะโว้ย แล้วบอกกับตัวเองว่า มึงกลัว here ไรนักหนา เมื่อก่อนมึงยังปั่นจักรยานจากสมุยกลับมาเมืองทองได้เลย ผู้หญิงตัวเล็กกว่ามึงแต่ใจโคตรใหญ่โคตรได้อ่ะ ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวคนเดียวหลายจังหวัด มึงก็ต้องทำได้สิ..

เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่า เอาว่ะ..จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปนี่แหล่ะ ไปเรื่อย ๆ ไปแบบไม่ต้องคิดอะไร และไม่ได้บอกใครด้วยสิ (ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ดีมากๆ เดินทางไกลไปไหนควรบอกใครไว้ น่าจะดี..) เหนื่อยไม่ไหวก็จอดพักหาที่นอนแค่นั้น ด้วยความไม่ประมาทเลยเอารถไปให้ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เช็คสภาพให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกลในครั้งนี้ อ่อ…ต้องบอกก่อนว่ามอเตอร์ไซค์ที่ใช้อยู่อายุ 20 ปีแล้วนะครับ รถปี 45 รถเก่า(แก่)มากแล้ว เครื่องเดิมๆ

เช้ามืดวันที่ 30 มกราคม 65 เริ่มล้อหมุนออกเดินทางเวลา 6.00 น. เดินทางวันเดียว ถึงในช่วงเวลา 17:00 น. รวมเวลาเดินทางทั้งสิ้น 11 ชั่วโมง ขี่รถไปจอดหน้าบ้านซักพัก พ่อลงมาจากบ้านก็งงๆ ใครมาอยู่หน้าประตูบ้านให้หมามันเห่าอยู่นานสองนาน ถอดหมวกกันน็อกออก พ่อก็ยิ่งทำหน้าประหลาดใจ เพราะไม่ได้บอกว่าจะเดินทางมาหา ด้วยความที่ไม่ได้เจอพ่อกับแม่มานานมากๆ กว่า 3 ปี ความรู้สึกแรกที่เจอคือ น้ำตาคลอ แต่ก็อั้นๆ ไว้ เพราะก่อนหน้านี้พ่อเส้นเลือดในสมองแตก เข้ารักษาตัวโรงพยาบาล แต่เราไม่ได้มาหามาเยี่ยมเลย.. เจอพ่ออยู่คนเดียว พ่อบอกแม่ พี่สาวและน้องสาว ออกไปตลาด เดี๋ยวก็มา…

ช่วงเวลาที่ก้นติดเบาะตลอดระยะทาง 700 กิโลเมตร มีเรื่องราว(ส่วนตัว)ต่าง ๆ วนเวียนในสมองให้ได้คิดได้ไตร่ตรองมากมาย ทั้งเรื่องงาน เรื่องความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต เรื่องเงิน ฯลฯ ก่อนหน้านี้ก็เครียดและคิดวนเวียนไร้สาระจนตัวเองจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเอาไงดีกับชีวิตตัวเอง ขายของไม่ได้เลย เงินก็แทบจะไม่มีแล้วด้วย ที่รู้และมีสติที่สุดแน่ๆ คือ “กูเกลียดไอ้ประยุทธ์ จันไร”

ขณะที่ล้อรถหมุนผ่านไปแต่ละกิโลเมตร แต่ละลมหายใจเข้าออกที่รู้ตัว พยายามคิดว่าการมาหาครอบครัวครั้งนี้ เราน่าจะมีพลังกายพลังใจและกำลังใจที่จะก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปให้ได้ กลับไปเริ่มอะไรใหม่อีกครั้ง สู้ชีวิตอีกครั้ง

ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว 3 วัน เพราะอยากรีบกลับมาทำงาน ในหัวมีเรื่องงาน เรื่องหาเงินเต็มไปหมด พยายามเรียบเรียงระบบงานใหม่ งานไหนได้เงินก่อน งานไหนเป็น Passive ค่อยๆ เขียนลงกระดาษ แล้วก็ลงมือทำ ทำทีละนิดๆ จากเดิมที่เคยมีเป้าหมายว่าต้องทำให้มีรายได้เท่านั้นเท่านี้ ตอนนี้แค่รู้สึกว่ามีความสุขระหว่างทางที่ได้ทำงานนั้นๆ ไปวันๆ ก็พอแล้ว บางทีความสุขระหว่างทางเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยให้แต่ละวันเรามีค่าขึ้นมาได้นะ วันนึงคงจะถึงเป้าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้ ซึ่งถ้าวันไหนที่ไปถึงเป้าหมายเร็ว มีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนก่อน คงเป็นวันที่ไอ้ประยุทธ์มันตายแล้ว.. อยากกลับไปเห็นคนไทยมีความสุขอีกครั้งกับสภาพของความเป็นอยู่ที่ไม่ลำบากอย่างปัจจุบันนี้