เกริ่นนำ

วันนี้แบ่งเวลามาเขียนอัพเดท Blog หลังจากที่ไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไรดีที่น่าจะจับประเด็นได้ จนวันนี้คิดว่า น่าจะมีประเด็นให้เขียนเรื่องราวความจริงของโลกใบนี้ แบบบ่นๆ ได้แล้ว ในเรื่องการหางานยุคปัจจบันของปี 2568 ไม่ได้เตรียมเนื้อหาในการเขียนมานะครับ เขียนสดๆ ตอนนี้เลย แค่อยากใช้พื้นที่ส่วนตัวในการระบายความรู้สึก ในมุมมองของตัวเอง ซึ่งอาจจะถูกหรือจะผิด ขึ้นกับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล แค่อยากระบายความในใจของผมเองเกี่ยวกับการหางาน ในวัย 49 ปี

ผมหางานด้านงานออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นสิ่งที่ตนเองถนัดและทำได้ดีที่สุด เพราะว่ามีประสบการณ์มากว่า 10 ปี ในกลุ่มงานเหล่านี้ eCommerce, Digital Marketing, SEO ส่งสมัครงานไปกว่า 200 แห่ง ตลอดระยะเวลา เกือบสองปี มีติดต่อกลับมาพูดคุยอยู่ 4-5 บริษัท แต่สุดท้ายก็ติดเรื่องอายุ หรือ อื่นๆ อันนี้ไม่ทราบได้ เพราะทางบริษัทก็ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ผ่านการคัดเลือก แต่มีเพียง 2 บริษัทที่บอกตรงๆ ว่าอายุมากกว่า ผู้จัดการแผนก เกรงว่าน่าจะไม่สะดวกในการรับเข้าทำงาน ประมาณนี้

แล้วหาเงินจากไหนมาใช้จ่าย!?!

ผมไม่มีเงินเก็บ ผมขายของออนไลน์มีรายได้ตกเดือนนึงประมาณไม่เกิน หมื่นสองพันบาท(รวมต้นทุนค่าสินค้า) บางเดือน ขายของได้ สี่-ห้าพันบาท ผมพักอาศัยในห้องเช่า ค่าเช่า สามพันต่อเดือน, ค่าส่วนกลาง ค่าไฟฟ้า ค่าโทร ค่าอินเตอร์เน็ต รวมๆ ต้องหาให้ได้เดือนนึง ประมาณห้าพันบาท สำหรับการนำมาจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ซึ่งยังไม่รวมถึง ค่าอาหารการกิน ซี่งทุกวันนี้ แน่นอนว่า ผมแทบไม่ได้กินข้าวนอกบ้าน อาหารหลักทุกวันนี้ คือ ข้าวไข่เจียว บางวัน ต้มจืดผักกาดขาว (ต้มน้ำใส่ผักกาดขาว ไข่ไก่ 1 ฟอง ใส่น้ำปลา 2 ช้อนชา โรยพริกไทย ไม่มีเนื้อสัตว์) บางวันก็บะหมี่กึ่งสำเร็จ วนกันไปแบบนี้มาจะ 2 ปีล่ะครับ จากน้ำหนัก 74 กิโลกรัม ปัจจุบันน้ำหนัก 64 กิโลกรัม สำหรับคนที่มีความสูง 185 ซม. แบบผม ก็ถือว่า ผอมลงไปเยอะมากๆ^^ แน่นอนว่ารายรับ ไม่พอรายจ่าย บางเดือนผมเองก็ต้องรบกวนครอบครัว พี่น้อง ในวัย 49 ปี มันรู้สึกผิดและน่าละอายใจมากๆ ที่ต้องเป็นภาระเรื่องเงินกับคนอื่น แม้จะเป็นคนในครอบครัวก็เถอะ!!

สมัครงานในสายที่ตัวเองไม่ถนัด?

แน่นอนครับว่า ผมเองก็สมัครงานอื่นๆ ไปเรื่อยเหมือนกัน และก็ได้ทำงานด้วย นั่นคือ งานพาร์ทไทม์รายวันครับ รายได้วันละ 350 – 500 บาท แต่ต้องหาหน่อย เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยให้งาน งานใช้แรงงาน อยากได้เด็กๆ ทำ แต่พอเด็กเบียวงานไม่ไปทำ ก็จะเรียกเราไป ตลกดีเนาะ คนที่พร้อมจะทำงานกับไม่ให้เป็นตัวหลัก (จะเริ่มบ่นๆ ล่ะนะครับ) ประเภทงานที่ผมเคยทำก็พวก คนรับรถ, งานล้างจาน, งานแคชเชียร์ ประมาณนี้ ตอนนี้กำลังจะไปสมัครงานเป็น รปภ ครับ แค่คิดก็สนุกแล้วครับ งาน รปภ รับอายุ 35 – 50 ปี (บางที่รับถึง 55 ปี) คือ เอาคนอายุเยอะไปรักษาความปลอดภัย และตลกตรงที่ว่ากลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป คือ กลุ่มอายุที่เริ่มหาสมัครงานยาก ในสายงานที่ตนเองถนัดและทำได้ดี

ไม่ลองทำอย่างอื่นจากความถนัดของตัวเองดู?

ทำอยู่ครับ มีเว็บไซต์ขายสินค้าของตัวเอง ค้นหาสินค้าเสริชติดในหน้าแรกของ google เกือบทุกสินค้า ตอนนี้ไม่มีทุนในการยิงโฆษณา มีเพจ มีโซเซียลมีเดียของสินค้าทุกช่องทาง รวมถึงลงขายในแพลตฟอร์ม marketplace ต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำธุรกิจ POD กับแอมะซอน ทำหนังสือขายบน KDP ทำช่องเพลงบนยูทูบ รับติดตั้งระบบ WordPress CMS ทำเว็บไซต์ ทำมาจะหมดล่ะครับ ทั้งหมดทั้งมวล มันไม่ได้ใช้เวลาวันเดียวแล้วมีรายได้หลักหมื่นหลักแสนครับ ใช้เวลานานมากในการสร้างรายได้ มันคือ Passive Income ที่กล่าวมาจะมีก็แต่ขายของนี่แหล่ะครับ ที่ได้เงินเลย เอามาซื้อข้าวกินได้เลย^^ 

บ่นจริงจัง!! กับการรับสมัครงานและคัดเลือกคน

ตลอดช่วงเกือบ 2 ปีที่หางาน และส่งใบสมัครงาน จะเห็นบริษัทฯ เดิมๆ ยังรับสมัครงานในตำแหน่งเดิมๆ คือ เพื่ออะไร? อันนี้ งงมาก หรือ ไม่ได้อยากรับจริงๆ แค่เปิดรับสมัครงานไปงั้นๆ ให้เปลืองงบลงโฆษณาประกาศรับสมัครงาน ผมแอบคิดนะ ว่าตำแหน่งที่เปิดรับตลอดเวลาเหล่านั้น คือตำแหน่งที่ไม่มีคุณค่ากับบริษัทอย่างแท้จริง หมายถึง ตำแหน่งนั้นๆ จะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ อะไรประมาณนี้ เพราะหากมีพนักงานในตำแหน่งดังกล่าวครบตามจำนวนงบอัตราจ้างแล้ว จะลงโฆษณาต่อให้สิ้นเปลืองงบไปเพื่ออะไร หรือ HR ไม่เก่งในการบริหารและการจัดการ แน่นอน! บริษัทส่วนใหญ่ชอบคนแบบนี้สินะ

สำหรับการสัมภาษณ์งาน ใครใส่หน้ากากดี โกหกเก่ง เท่ากับ ได้งาน คนตอบตรง จริงใจ เป็นตัวเองส่วนใหญ่ พลาดงาน หากคุณเป็นคนที่ยอมรับความจริงได้ คุณจะเข้าใจ สิ่งที่ผมกำลังสื่อ ตอนนั่งสัมภาษณ์ เก่งทุกอย่าง บุคลิกดี เตรียมตัวมาดี แต่เนื้อในจะทำงานได้หรือเปล่าไม่รู้ แล้ว HR ก็ชอบแบบนี้ด้วยสิ ไม่รู้ใครสอนๆ กันมา คำถามก็แปลกๆ แบบนี้มาตั้งแต่สมัยผมแล้ว ส่วนใหญ่เอาจริงๆ ลองไปพิจารณาคำถามแต่ละอันดู ว่ามันคัดเลือกคนที่เก่งๆ เข้าไปทำงานได้จริงๆ หรือป่าว และตลกเรื่องต้อง portfolio เอาจริงๆ นะ เห็นส่งตัวอย่างผลงานกัน มากกว่างานที่ผมเองรับทำมาซะอีก บางคนมีเป็น 100 เอาจริงก็อปมาจากไหนก่อน หรือ เอางานใครมา ส่วน HR ก็เชื่อ บางคนรับมาแล้วทำไม่ได้หรือได้นิดหน่อยเสียด้วยซ้ำ แต่พลาดรับมาแล้วไง เพราะตอนสมัครโกหกผลงานเก่ง คุยสัมภาษณ์เก่ง

สมัยผมจบใหม่ๆ (เกือบ 30 ปีล่ะ) และเริ่มมีประสบการณ์การทำงานมาบ้างแล้ว เวลาไปสมัครงาน สมัยก่อนเขาไม่ดูหรอกนะ portfolio เนี่ย เขาให้นั่งทำให้ดูเลยจ้าาาา ให้เห็นกับตาว่าทำงานนั่นได้จริงๆ ไม่เหมือน HR สมัยนี้ ที่ดูตัวอย่างผลงานอะไรก่อน ของจริงทำเอง หรือ ของก็อปจากเว็บมาเป็นผลงาน แยกออกจริงๆ รึ? หรือ สมัยนี้คือต้องผลงาน AI ต่างๆ เอามาเมคเป็น portfolio กัน หึหึ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่สินะ..

พิมพ์มานานล่ะ เหนื่อย… 555 จริงๆ มีเรื่องจะบ่นอีกเยอะเลย แต่พอแระ! พอได้ระบายออกมาบ้างระดับความเครียดก็เริ่มลดลง ตามตัวหนังสือที่พิมพ์ออกมา เฮ้อ… เหนื่อยจังชีวิต จะหยุดหรือไปต่อดี?

ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังหางาน หาเงิน ดิ้นรนในชีวิตนะครับ ขอให้ได้งานที่เหมาะกับตัวเองเร็วๆ เพื่อจะได้ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวต่อไปครับ