ยังจดจำวันแรกที่ตัดสินใจทำเว็บขายของออนไลน์ได้อยู่เลย เหมือนเพิ่งทำได้ไม่กี่วันนี้เอง เว็บ AromaScented.com ในยุคแรก ๆ นั้น โตมาพร้อมการขายบนอีเบย์ในปี 2012 ซึ่งถือได้ว่า eBay เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดเว็บ AromaScented นี้ บวกกับยอดขายที่ค่อยๆ โตขึ้นในช่วงเวลานั้น ทั้งในเว็บอีเบย์ และ เว็บเครื่องหอมเอง (AromaScented.com)
สมัยเมื่อ 3 ปี ก่อน บอกตรงๆ ว่าผมยังไม่คิดที่จะทำการตลาดออนไลน์ในประเทศไทย เพราะคนไทยยังไม่เชื่อมั่นในตัวเองที่จะซื้อของออนไลน์ รวมถึงไม่เชื่อมั่นในตัวคนขายด้วย ว่าจะโกง(ตรู)มั้ย อีกทั้งระบบออนไลน์ในเมืองไทยก็ไม่ได้ดีมากนัก (สมัยนี้ดีขึ้นมานิดนึง แต่ก็ยังไม่ได้ดีมากเท่าที่ควรจะเป็น ค่า Payment Gateway ของผู้ให้บริการในไทย ผมยังมองว่ามีราคาสูงมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ และวิธีสมัครใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก สำหรับในเมืองไทยเทคโนโลยีไปไกลแล้ว แต่คนใช้ยังย่ำอยู่ที่เดิม ล้าสมัย ยึดติดความคิดเดิม ๆ ผมเองก็เป็น) บวกกับในตอนนั้นมีหน้าร้านอยู่แล้วด้วย ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย ยอดขายหน้าร้านไม่ได้ดีมาก แต่ก็พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ผมจึงเริ่มมีความคิดที่จะนำสินค้าภายในร้านไปลงขายกับเว็บต่างประเทศ จนมาทำเว็บไซต์ eCommerce เอง แต่ก็ยังเน้นตลาดต่างประเทศอยู่ เนื้อหาภายในเว็บไซต์นั้นแทบจะบอกได้ว่าเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลย สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศซื้อออนไลน์ง่าย ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นเว็บเครื่องหอมนี้เพิ่งทำขึ้นมาได้เพียงไม่กี่วัน ก็มียอดสั่งซื้อออนไลน์เข้ามาแทบจะในทันทีเลย และ ขายได้กำไรดีอีกด้วย
หน้าตาเว็บ AromaScented.com ในยุคแรก
ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ที่ผมขายของออนไลน์ให้กับฝรั่งคนต่างชาติต่างภาษานั้น ผมรู้สึกว่า ผมสนุกกับงานขาย สนุกกับการทำเว็บไซต์ การลงสินค้าขาย การเขียน content ต่างๆ ตลอดจนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากประสบการณ์ที่ได้รับจากการขายแบบส่งออกนอกประเทศ ผิดพลาดบ้าง สำเร็จบ้าง ขาดทุนบ้าง กำไรบ้าง ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ลองทำ ได้เรียนรู้และสนุกไปกับงานที่ทำ จนวันหนึ่งผมเริ่มมีความรู้สึกว่า อยากลองขายสินค้าแบบออนไลน์ในประเทศไทยบ้าง อยากลองความสามารถของตัวเอง ว่าจะขายของออนไลน์ในประเทศไทยแบบมีรายได้จริง ๆ จัง ๆ และมีรายได้ที่มั่นคงได้หรือป่าว และหลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ต่อมา ผมก็ลงมือทำเว็บไซต์ภาษาไทยโดยทำลายเว็บไซต์เดิมที่เป็นภาษาอังกฤษทิ้งไปเลย ซึ่งเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดที่ผมทำ eCommerce มาเลยก็ว่าได้ ผมพลาดอย่างแรง! ถือได้ว่าเป็นบทเรียนราคาแสนแพงเลยทีเดียว..
เว็บ AromaScented.com เวอร์ชั่นไทย รุ่นแรก ปี 2014
ทันทีที่ผมเปลี่ยนเว็บไซต์เป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยนั้น (กลางปี 2014) รายได้ออนไลน์จากเว็บก็หายไป 100% เลยครับ และยังไม่รู้โชคชะตาว่าจะทำตลาดสินค้านี้ขายคนไทยได้รึป่าว?.. ในช่วงแรกที่ทำเว็บไซต์ใหม่นี้ ผมยังโชคดีที่ได้กลุ่มลูกค้าเดิม ซึ่งเป็นลูกค้าที่มาจากทางหน้าร้านเข้ามาซื้อออนไลน์บ้าง แต่หลัง ๆ ก็กลับมาซื้อผ่านหน้าร้านเหมือนเดิม และหลังจากนั้น ยอดขายออนไลน์ภายในเว็บเครื่องหอมของผมก็แทบไม่มียอดขายเลย แต่กลับมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่โทรฯ เข้ามาเพราะสนใจจะซื้อสินค้า แต่ก็มักจะพ่วงด้วยคำถามที่ว่า “ร้านอยู่ตรงไหน? มีหน้าร้านหรือป่าว? เคยเจอแบบขอนัดดมกลิ่นเฉยๆ ยังมีเลยครับ ขอฟรีก็มีนะครับ” มันเป็นคำถามที่โคตรกวนใจเลยครับ ในตอนนั้นผมมีหน้าร้านอยู่ที่ บิ๊กซี เกาะสมุย เพียงแห่งเดียว และผมมักจะตอบลูกค้าว่า “อยู่เกาะสมุย คุณจะมามั้ยครับ?” นั่นคือคำตอบที่ผมตอบอาจจะดูกวนๆ ไปนิด แต่มันคือความจริง.. สุดท้ายก็วางสายไปแบบปิดการขายไม่ได้ เอวัง ด้วยประการฉะนี้! จะว่าไปแล้วซึ่งจริงๆ ก็สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ แต่กลับไม่ทำ ทั้งสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย และรวดเร็ว เห็นที่ยาลดความอ้วน หรือเสื้อผ้าไรพวกนี้ซื้อกันจัง ไม่ไปขอลองก่อนแหล่ะครับ!! เห็นเสื้อหรือกางเกงบางตัวซื้อออนไลน์มาก็ใส่ใช่จะได้กัน.. บรรยายเยอะกว่านี้ แต่เดี่๋ยวมีดราม่า! ขอข้ามดีก่า..
หลังจากนั้นไม่นานผมก็มีความคิดที่จะทิ้งเว็บไซต์ Aroma Scented นี้ไปเลยด้วยความเบื่อหน่ายหลายๆ อย่าง (ปัจจุบันก็มีอารมณ์นี้อยู่บ้าง) ผมเริ่มไม่สนุกกับงานที่ทำ ไม่สนุกกับการขาย นั่งแพ็คของส่งก็เบื่อๆ และไม่มีความสุขกับการขายสินค้าออนไลน์ในตลาดประเทศไทยเอาเสียเลยจริงๆ “เมืองไทยอาจจะไม่ใช่แนวทางผมก็ได้ สินค้าอาจไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายแน่ๆ” ผมคิดดังๆ ในใจ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนค่อนข้างจริงจัง ไม่ค่อยพูดเล่นอะไรกับใครมากนัก หากไม่สนิทสนมกันจริงๆ ทำให้เวลาคุยกับลูกค้าผมไม่ค่อยฟรุ้งฟริ้งๆ อาจดูแข็งๆ หยิ่งๆ ไปสักนิด (แต่สุภาพนะครับ) เลยทำให้คนที่คุยด้วยดูเกร็งๆ ไปเลย แต่ถ้าคุยกับฝรั่ง เขาจะเฉยๆ นะ คุยกันง่ายๆ (ไม่ได้ว่าคนไทยเรื่องเยอะนะ.. มีคนแซวมาจากด้านหลัง ฮ่าฮ่า)
เว็บ AromaScented.com เวอร์ชั่นล่าสุด
ในช่วงจังหวะที่ผมคิดจะเลิกทำเว็บเครื่องหอมนี้นั้น ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนคนหนึ่งในแวดวงออนไลน์ บวกกับการได้อ่านหนังสือเรื่อง “ใช้ความสุขทำกำไร (Delivering Happiness)” ทำให้ในค่ำคืนวันหนึ่งขณะนั่งทำสมาธิอยู่นั่น ผมได้แนวคิดหลาย ๆ อย่าง และ ตั้งใจด้วยความมั่นใจว่าจะลองสนุกไปกับเว็บ AromaScented.com อีกสักครั้ง และขยายงานขยายเว็บให้ใหญ่ขึ้นและกลับไปลุยตลาดต่างประเทศใหม่อีกครั้ง แทบจะในทันทีที่ไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้วผมก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาเว็บใหม่ทั้งหมด รวมถึงระบบบริหารงานภายในเว็บไซต์ และ พูดกลับตัวเองว่า รายได้หรือยอดขายไม่สำคัญเท่าการตั้งใจบริหารเว็บฯ ทำให้ดีที่สุด บริการลูกค้าให้ดีที่สุด จัดส่งให้เร็วที่สุด และ ไม่เก็บเรื่องกวนใจเล็กๆ น้อยๆ จากลูกค้ามาคิดอีก เช่น หน้าร้านอยู่ไหนหรือส่งของกี่วันถึง (อยากได้ของวันรุ่งขึ้น แต่โอนเงินตอนเช้า มันคงถึงเลยมั่ง คิดสิคิด!! ฮ่าฮ่า :-D) ผมนั่งทำงานจนกระทั่งเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น พยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ เพื่อหาข้อผิดพลาดของการทำงานและกำหนดเป้าหมายใหม่และจุดยืนใหม่อีกครั้ง ในวันนั้น ณ ตอนนั้น และ ขณะนั้น ผมคิดอะไรไม่ออกครับ มันมีแต่ความท้อแท้ที่ยังแฝงตัวอยู่ในใจลึกๆ รอวันที่ผมจะสลัดมันออกไปให้ได้..
เวลาล่วงเลยมาปีกว่า นับจากวันที่ผมคิดทบทวนในเช้าของวันนั้น ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ ยังอยู่เหมือนเดิม ลูกค้าออนไลน์ (คนไทย) สำหรับร้านของผม ยังมีพฤติกรรมการซื้อเหมือนเดิม (ผมลองให้โอกาสกับตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ในการปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าไทยของผม แต่ไม่สำเร็จ ทำไมอัตตาผมถึงสูงเช่นนี้) มีเพียงไม่กี่คนที่สั่งซื้อออนไลน์ได้แบบสมบูรณ์ และให้คำแนะนำด้านผลิตภัณฑ์และบริการในเชิงสร้างสรรค์ สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ ผมขอขอบคุณจากใจจริงเลยครับ ขอบพระคุณมากๆ อย่างน้อยๆ พวกคุณคือกำลังใจ(ทางอ้อม)อีกทางหนึ่งที่ทำให้ผมไม่ล้มเลิกการขายของออนไลน์ในไทยหรือทิ้งเว็บเครื่องหอมไปเลย และในวันนี้ผมหาขอสรุปที่ค้างคาใจผมได้แล้วครับ ผมเองยังคงต้องทำงานหาเงินหาทองมาเลี้ยงชีพ ดิ้นรนกันไปในทุกหนทาง จนบางครั้งบางทีคนเราอาจต้องการพักผ่อน แสวงหาความสงบ ความเรียบง่ายบ้าง ซึ่งในวิถีชีวิตของการใช้ชีวิตแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
สุดท้ายนี้…. นับจากบรรทัดนี้ไปคงเป็นบทสรุปของร้านเครื่องหอมและเว็บ AromaScented.com แล้วนะครับ
สำหรับร้านบนเกาะสมุยยังเปิดอยู่ครับ แต่เป็นของพี่สาวผมแล้ว (ไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานออนไลน์) ส่วนร้านของผมที่ เซ็นทรัลฯ แอร์พอร์ท เชียงใหม่ กำลังจะปิดตัวลงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ครับ ช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่าง ผมคิดทบทวนแล้ว หลายรอบต่อหลายรอบเกี่ยวกับงานที่ทำและการใช้ชีวิตที่เป็นอยู่ในทุกวัน การขายออนไลน์ในประเทศไทย คงไม่สอดคล้องกับการทำงานในแบบที่ผมถนัด ซึ่งเอาจริงๆ เลย คือ มันไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงครับ ผมกล้าพูดได้อย่างไม่อายว่า รายได้ออนไลน์ในเมืองไทยกับกลุ่มสินค้าสปาของผมไม่ได้มียอดขายที่ดีเป็นหมื่นๆ แสนๆ เหมือนที่คนอื่นเขาขายๆ กันอย่างพวกเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ และอื่นๆ ตาม Facebook, Instagram พวกนั้น ตั้งแต่มาขายออนไลน์ในไทย และมาทำร้านเครื่องหอมที่ เซ็นทรัลฯ แอร์พอร์ท เชียงใหม่ ยอดขายไม่ดีเอามากๆ ครับ บางวันไม่เปิดบิลก็ยังมีเลยครับ (เคยไม่เปิดบิลติดกัน 4 วันก็มี) ค่าเช่าที่ 2 หมื่นกว่า ตอนนี้ติดลบเรียบร้อยครับ แต่ชีวิตต้องสู้ต่อไป
หลังจากนี้ ผมคงรอเวลาให้ถึงวันหมดสัญญาร้านที่เซ็นทรัลฯ แอร์พอร์ท เชียงใหม่ นี้ไปก่อนครับ สำหรับช่วงนี้ในส่วนสินค้าก็ยังมีขายอยู่ทั้งหน้าร้านและในเว็บไซต์นะครับ แต่หลังจากในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปิดร้านเรียบร้อยแล้ว ผมคิดว่าอาจจะออกบวชสักพักนึงจนกว่าจะสบายใจ (ยังไม่มีกำหนดสึก) แล้วผมจะกลับไปลุยทำออนไลน์ฝั่งต่างประเทศอย่างเดียวเต็มตัว ส่วนเว็บ AromaScented.com สำหรับขายคนไทยก็ยังอยู่ ในช่วงนี้ผมคงบริหารไปแบบกลางๆ ดูผ่านๆ และจะทะยอยทำสต๊อกสินค้าที่มีอยู่เข้าไปภายในเว็บ หมดแล้วหมดเลย แต่หากลูกค้าต้องการสั่งจำนวนเยอะๆ ก็สั่งได้นะ ผมจะออเดอร์โรงงานให้ หรือไม่ก็อาจจะหาใครมาบริหารรับช่วงต่อไปอีกที
ปล. เนื้อหาที่เขียนนี้ เขียนไว้นานแล้ว เกือบ 2 สัปดาห์ แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจโพส คิดโน้นนี่นั่น ว่าจะโพสดีหรือไม่ดี แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลองทำดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ผมรับมันได้ ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ หากผมต้องก้าวถอยหลัง ผมก็จะก้าวถอยหลังไปข้างหน้าครับ..
สินค้าที่ผมขายมาตลอด 10 กว่าปี ต้องยอมรับว่าไม่ใช่สินค้าเงินล้าน ไม่ใช่สินค้าขายดี เพียงแต่เป็นสินค้าที่ขายได้เรื่อยๆ เท่านั้น สำหรับแผนที่วางไว้สำหรับสินค้าตัวนี้ คือ ขยายตลาดต่างประเทศอีกนิดหน่อยก็จะพอแล้ว โดยลงขายเพิ่มในอีเบย์กับแอมะซอน และเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ลงไป
วันที่ควรว่างแต่ไม่ว่าง กับสมองที่ไม่เคยว่างด้วยความคิดที่อธิบายยากต่อความรู้สึกของวันนี้ เกิดจากคำถามในสมองสั้น ๆ ว่า ทำไมเมื่อก่อนไม่ทำงานตัวเองให้ได้เหมือนที่ทำงานบริษัทฯ
เมื่อคืนก่อนนอนตั้งใจจะเปิดยูทูบดูเขาสอนเกี่ยวกับการใช้งาน AI แบบต่าง ๆ แต่บังเอิญเจอคลิปนึง เกี่ยวกับข้อคิดตามชื่อบทความโพสนี้เลย เลยเปิดฟัง เขาพูดแบบสรุปย่อไว้ให้ คือรู้สึกชอบ จนต้องเปิดไฟ ลุกขึ้นมาจดตามเลยทีเดียว