วันนี้เมื่อปีที่แล้ว (2021) ได้ลงมือทำ Kindle Direct Publishing หรือ KDP ที่หลายคนเรียกติดปากกัน ลงมือทำจริงจังมาตลอด 1 ปี อาจมีพักหยุดไปบ้างเป็นอาทิตย์ ขี้เกียจบ้างเป็นเดือน ติดงานอื่นบ้าง ผ่านไป 1 ปีมีหนังสือลงขายบน KDP แค่ 168 เล่มเอง นี่ขนาดจริงจังแล้วนะ คือจริงจังยังไงก่อน ลงหนังสือได้น้อยเหลือเกิน ฮาฮา

สำหรับรายได้ที่ได้มาเฉลี่ยอยู่ 3,000 บาทต่อเดือน ไม่ได้เยอะมากมายเอามาให้ดูกันได้ ถ้าได้เยอะๆ คงไม่เอามาโชว์ เพราะไม่ได้เป็นโค้ชสอนใครที่ต้องอ้างยอดเยอะไว้ก่อน เพื่อหาคนมาเรียน จริงๆ มียอดแระ แต่เป็นยอดในเว็บที่ขายหนังสือเองไม่ผ่านบนแอมะซอน KDP และ Plateform อื่นๆ คือรับเงินตรงจากลูกค้า กำไรเยอะกว่า แต่ไม่ขอโชว์ยอดเนาะ ไม่สอนด้วยนะ (แต่มีแนะนำทางออกให้แล้วไปศึกษาเพิ่มเติมเอาเอง อ่านไปเรื่อยๆให้จบ เดี๋ยวบอก!!)

แนวทางตอนเริ่มทำ KDP ช่วงแรกๆ

ตอนเริ่มทำก็คิดวิเคราะห์และวางแผนไว้ก่อนลงมือทำ ไม่ได้คิดทำเป็นรายได้เสริม แต่มันคือธุรกิจ เพราะผมทำงานอิสระ ไม่ได้ทำงานประจำ เป็นพ่อค้าซื้อมาขายไป ที่วนเวียนล่องลอยอยู่กับวงการ Internet Marketing มานานกว่า 15 ปี โดยเริ่มจากการเป็นพ่อค้าขายของบนอีเบย์มาตั้งแต่ปี 2006 น่าจะเป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ เลยก็ว่าได้ ที่ทำงานขายของออนไลน์มานานมากกกก

เข้าเรื่อง…ขอเกริ่นอีกเล็กน้อย.. สมัยเมื่อเกือบ 10 ปีก่อนเคยทำ Associates Amazon หรือ Affiliate Amazon แล้วแอมะซอนจะมีการออกกฎอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาตลอดๆ จนโดนแบนบัญชีและสูญเสียเงินจำนวนหนึ่งที่เราทำยอดขายไว้แล้ว จากประสบการณ์นี้ มันสอนให้ผมระแวง ใช่ครับ..ระแวง ไม่ใช่ ระวัง การกระทำแปลกๆ ของแอมะซอน ก็อย่างว่านะ พื้นที่เขา เขาสั่งอะไรเราก็ต้องทำ เหมือนผมไปขายของตลาดนัดหรือในห้างสรรพสินค้าฯ ต่างๆ เขาก็มีกฎของเขา ใครทำผิดกฎก็โดนยกบูธออกไป แบนไม่ให้เข้าพื้นที่ขายอีก เช่นเดียวกับ แอมะซอนหากทำผิดกฎก็โดนแบนไม่ให้ขายอีกต่อไป เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อรู้เช่นนั้น การขายบนพื้นที่ของเราเองก็ (น่าจะ) มีอิสระและเป็นสิทธิของเราในการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้เอง ผมเลยทำเว็บไซต์สำหรับขายหนังสือขึ้นมา โดยทำเว็บฯไปด้วยพร้อมกับลงขายบน KDP ไปด้วย

ทางออกของคนโดนแบน (แล้ว)

ผมยังไม่โดนแบนนะครับ ออกตัวก่อนเลย และคิดว่าทีม KDP แอมะซอนไม่แบนผมแน่นอน เหตุเพราะโทรคุยกับเจ้าหน้าที่ซับพอร์ตบ่อย โทรไปด่าพวกมันบ่อยนั่นแหล่ะ คือด่าด้วยเหตุผลในการร่วมกันพัฒนานะครับ (คือติเพื่อพัฒนาแระ แต่ผมเรียกด่า แหะแหะ) เพื่อเป็นการปรับทัศนคติระหว่างคนทำงานกับคนตรวจสอบแค่นั้น ผมมองว่าเราเป็นคนเหมือนกัน ติดอะไรก็คุยกันได้ ปรับความเข้าใจกันได้ มุนษย์โลกอ่ะนะ

หากอ่านมาถึงตรงนี้ คงมีคำถามมากมายแล้วว่า ทำเว็บขายหนังสือเองแล้วยังไง ขายยังไง ส่งยังไง รับเงินยังไง เอาว่าอ่านไปเรื่อยๆ เดี๋ยวบอก.. สำหรับคนที่ทำเว็บฯเป็น โปรโมตเป็น เขารู้แล้วล่ะว่าจะรับเงินยังไง payment gateway มีให้เลือกใช้บริการหลายที่ ช่องทางโปรโมตหาทราฟฟิคมีมากมาย แค่อาจยังสงสัยว่า จะทำหนังสือส่งยังไงมากกว่า… เอามา 500 บาท จะบอก… หยอกๆ ฮาฮา 🤭 ตั้งใจจะแชร์ประสบการณ์อยู่แล้ว เป็นการบอกบุญ 😇 บอกไปแล้วก็ศึกษาเพิ่มเติมเองได้เลยนะครับ

สำหรับคนโดนแบนแล้ว ย้ำ!! สำหรับคนโดนแบนแล้ว

สำหรับการเปิดบัญชี KDP ใหม่อาจจะโดนแบนซ้ำอีกเสียเวลาทำมาหากิน ผมแนะนำให้นำหนังสือที่เราทำไว้แล้วหรือเคยขายแล้วบน KDP นำให้โพสลง Social Media อย่างเช่น facebook, IG, Twitter, Pinterest etc. หรือจะลงขายบนอีเบย์, etsy ก็ได้ (หากมีความสามารถทำเว็บไซต์ได้ก็แนะนำให้ทำนะครับ หรือ เปิดบัญชี Shopify ลงขายก็ได้) ลงขายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีคนมาเจอสนใจแล้วขอซื้อ

ถ้าโพสลง Social Media อย่างเช่น facebook, IG, Twitter, Pinterest etc.แล้วมีคนสนใจสั่งซื้อ เราจะรับเงินด้วย paypal wallet หากมีคำถามขุ่นเคืองเรื่อง paypal ไม่ต้องถามผมนะ เพราะผมใช้ paypal ได้ปกติ ไม่มีดราม่าเหมือนในเคสของคนขายบน Etsy ที่เป็นกระแสก่อนหน้านี้ บ้าบออะไรไม่รู้ ไม่โกรธกันนะที่ผมพิมเขียนออกมาแบบนี้ คือผมไม่ได้สนใจอ่ะ ยังรับเงินได้ ถอนได้คือจบ.. เพราะในเว็บฯ ผม ลูกค้าก็ยังจ่ายผ่าน paypal หรือผ่าน paypal wallet ได้ และผมยังถอนเงินออกได้

จบ…ช่องทางการขาย และรับเงิน

เมื่อลูกค้าสั่งซื้อหนังสือ โอนเงินแล้วยังไงต่อ

เมื่อลูกค้าโอนเงินให้เราแล้ว หากขายผ่าน Social Media ก็บล็อกลูกค้าไปเลย ได้เงินแล้วนิ รวยๆๆๆๆ ฮาฮา เออ…ไม่ใช่แหล่ะ ล้อเล่นครับ 😁

ช่วง 1-2 เดือนแรกของการทำ KDP ผมก็พัฒนาเว็บฯ ขายหนังสือขึ้นมาด้วยแทบจะพร้อมๆกัน ก็คิดอยู่นะ จะพิมพ์หนังสือขายแล้วส่งยังไงดีหว่า.. นั่งหาโรงพิมพ์จนไปเจอเว็บไซต์หนึ่ง ชื่อ LuLu.com (เป็นลิงค์ คลิกได้ไม่มี Aff. links) เราสามารถสร้างโปรเจคหนังสือเพื่อขายบน LuLu Store ได้ และสามารถขายแบบ Distibutor ได้ ขยายความคือ LuLu จะนำหนังสือที่เราลงโปรเจคไว้ไปเสนอขายผ่าน KDP, Kobo, B&N ฯลฯ แต่ผมเลือกสร้างโปรเจคลอยๆ ไว้ เวลามีลูกค้าสั่งซื้อก็ค่อยเข้าไปซื้อแล้วให้ส่งไปให้ลูกค้าโดยตรงเลย (Dropship สินค้าแบนด์เราเอง) ทีนี้… ความทะลึ่งของผมคือ นำหนังสือที่ทำไว้เกือบทั้งหมดไปโปรโมตก่อนลงโปรเจคใน LuLu.com เพราะขี้เกียจทำทุกเล่มก่อนโปรโมต แล้วดันมีคนสนใจซื้อ เลยคุยกับซับพอร์ตของ LuLu ว่ากูซวยแล้ว ไม่ได้ลงโปรเจคไว้แต่มีลูกค้ามาซื้อ ทำไงดีว่ะ ซับพอร์ตของ LuLu เลยแนะนำให้รีบไปลงสั่งซื้อใน LuLu Express (เป็นลิงค์ คลิกได้ไม่มี Aff. links) แบบด่วนๆ ขยายความ LuLu Express คือ ล็อกอินเข้าไปแล้วลงงานหนังสือพร้อมสั่งซื้อได้เลย

ตลอดเกือบปี… การลงขายหนังสือในเว็บฯ ตัวเอง คือต้องค่อยๆ ทะยอยลงทั้ง ebook, paperback, hardcover ทั้งยังต้องทำ mock up ให้หนังสือออกมาสวยงาม งานหยุ่มหยิมเต็มไปหมด (ทำทั้งหมดอยู่คนเดียวเอาเวลาไหนหาเมียก่อน โอ้วววว…เกี่ยวไหมเนี๊ย ฮาฮา) สรุปกว่าจะลงหนังสือในเว็บฯ ให้ได้ 100 เล่มใช้เวลาเป็นชาติเลย เพราะลงหนังสือในเว็บเสร็จก็ต้องทำซ้ำอีกตอนลงโปรเจคใน LuLu.com ทำงานซ้ำๆ บ้าบอวนไป แต่สุดท้าย… ทีมงาน LuLu ก็พัฒนาขึ้นตามอายุงานและกาลเวลา โดยปล่อย LuLu Direct (เป็นลิงค์ คลิกได้ไม่มี Aff. links) ออกมาเมื่อช่วงต้นปีนี้เอง คือ LuLu Direct สามารถ Integration เข้ากับเว็บฯ ที่สร้างขึ้นด้วย wordpress ที่ติดตั้ง woocommerce ไว้แล้ว อีกทั้งยัง Integration เข้ากับ shopify ได้อีกด้วย ระบบการทำงานคือ เมื่อเราสร้างโปรเจคใน LuLu เสร็จ เพียงแค่กด add product ไปยังเว็บของเรา สินค้าก็ไปลงในเว็บของเราทันที ทั้งคำอธิบาย ทั้งราคา ทำให้ทำงานได้เร็วและสะดวกขึ้น มันยอดมากจอร์จ…😆

ขอบคุณมากๆ ที่อ่านมาจนจะจบแล้วนะครับ ผมทำได้แค่แชร์ประสบการณ์ ไม่คิดจะสอนใคร ไม่รับให้คำปรึกษาใคร เพราะหากเขาเหล่านั้นยังไม่เคยพยายามให้ถึงที่สุดด้วยตัวเองก่อน ปรึกษาแก้ปัญหาไปก็เปล่าประโยชน์ อีกอย่างผมยังไม่เก่งพอจะเป็นครูหรือโค้ชให้ใคร ผมว่าทุกคนเก่งอยู่แล้ว เพียงแค่ยังหาหนทางออกไม่เจอก็เท่านั้นเอง อีกอย่างบอกเยอะพูดเยอะก็กลัวคู่แข่งเยอะ อยากทำเงียบๆ แต่เห็นหลายคนโดนแบนก็แบบนะ เห็นใจอยากช่วยให้แนวคิด เลยเขียนบทความนี้ขึ้น ขอฝากอย่างเดียว หากตั้งใจจริงและอยากโลดแล่นทำธุรกิจนี้ต่อเรียนรู้ศึกษาเพิ่มครับ