ต่อมาจากครั้งที่แล้วกันครับ เช้าวันอาทิตย์ หลังจากที่ผมได้ปลุกแฟนมาล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว เราตั้งใจจะเดินไปน้ำตกเจ็ดคด ซึ่งอยู่ห่างจากที่เราพักประมาณ 1.2 กิโลเมตร ต้องเดินเข้าป่าไป พวกเราไปกันทั้ง 5 คน ส่วนอีก 3 หลับยังไม่ตื่นกัน พวกเราจึงเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆตามทาง ซึ่งระหว่างทางจะที่ป้ายและลูกศรชี้บอกตลอดทาง อันนี้ไม่ต้องกลัวหลงครับ เราเดินไปถึงน้ำตกเจ็ดคดเหนือ ซึ่งเป็นน้ำตกแรกที่เราจะเจอ ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้ ทางเดินก็จะเป็นแบบขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้างสลับกันไป เล่นเอาหอบ เหนื่อยเหมือนกันครับกว่าจะถึง เจ้าเกดเดินบ่นตลอดทางว่าจะกลับออกไป เดินไม่ไหวแล้ว แต่จริงๆ ผมว่ามันไม่ได้ไกลเลย หากเราเดินกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ถึงครับ หรือพวกเราอาจรู้สึกว่ามันไกล เพราะเสียงบ่นของเกด หรือป่าวไม่รู้ 555 เส้นทางเดินไม่น่ากลัวนะครับ สามารถนำเด็กๆเดินเข้าไปได้ แต่ถ้าเป็นฤดูฝน ผมไม่แนะนำให้พาคนสูงอายุและเด็กเดินเข้าไปนะครับ

ขากลับจะเห็นป้ายนี้ครับ อีก 1 กิโลเมตร

เมื่อพวกเราเดินมาถึงน้ำตกก็รู้สึกเย็นขึ้นมาทันทีเลยครับ แต่ช่วงที่เราไปกันนี้เป็นช่วงแล้ง น้ำน้อย แต่บรรยายกาศโดยรอบยังสวยอยู่ ผมคิดในใจอยู่ว่าจะชวนแฟนมาอีกช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือไม่ก็ช่วงที่กำลังเข้าหน้าหนาว แล้วจะกลับมาที่น้ำตกนี้อีก ผมว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ

เราใช้เวลานั่งเล่นนั่งคุย ถ่ายรูปเล่นที่น้ำตกเจ็ดคดเหนือสักพักใหญ่ ก็เริ่มมีคนตามเข้ามาจำนวนหนึ่ง พวกเราจึงเดินกลับที่พัก ที่แรกผมคิดจะเดินไปต่อน้ำตกเจ็ดคดกลาง น้ำตกเจ็ดคดใต้ และ น้ำตกเจ็ดคดใหญ่ แต่เพื่อนๆไม่เอากันแล้ว เพื่อนๆที่ว่าก็คงหนีไม่พ้นเกดครับ ดูท่าคนอื่นๆคงอยากจะเดินไปต่ออีก ไม่เป็นไรผมคิดในใจว่าจะมากับแฟนอยู่แล้ว คราวหน้า ครั้งนี้ยอม!!!

เรากลับมาถึงเต้นท์เวลานั้นใกล้ 8 โมงเช้าแล้ว สิ่งที่เราเห็นคือ มาส แอ๊น และโจ้ ตื่นมานั้งทำอาหารให้พวกเรากิน ทีแรกพวกเราคิดว่ายังจะไม่ตื่นกัน วางแผนว่าจะให้จอยกะอูมไปล้างจานของคืนก่อน ส่วนผม ยุ้ยและเกดจะเตรียมอาหารเช้า ดันกลายเป็นว่า พวกเราไปเดินเที่ยวกลับมาก็ได้กินกันเลย อาหารเช้าเราง่ายๆครับ มีขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม กาแฟ โอวัลติน แค่นี้ก็อิ่มกันทุกคนแล้ว หลังจากนั้น พวกเราเริ่มทยอยกัน เก็บข้าวเก็บของ อาบน้ำ และตกลงว่าจะไปเที่ยวต่อที่เขื่อนป่าสัก ลพบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เจ็ดคด โป่งก้อนเส้านี้ ประมาณ สี่-ห้าสิบกิโล เห็นจะได้

ขณะที่เรามาถึงเขื่อนป่าสัก มี เกด โจ้ ยุ้ย และผม อีกคันยังมาไม่ถึง เพราะหลงทาง พวกเราจึงตัดสินใจว่าคงนานแน่ๆกว่าจะมาถึง เลยนั้งรถรางชวนเขื่อนกัน ค่ารถ 25 บาทต่อคน สุดเขื่อนป่าสักจะมีพระสีขาวองค์ใหญ่ คือ หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก ซึ่งเราทั้งสี่ได้ลงไปสักการะ กราบไหว้กัน องค์ท่านใหญ่มากและสวยด้วยครับ หลังจากนั้นรถรางก็พาเรากลับไปจุดตั้งต้นใหม่ พร้อมๆกับที่เหล่าผองเพื่อนเรามาถึงและแวะกินข้าวเที่ยงแถวๆนั้น ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ บ้านใครบ้านมัน

ทริปนี้สนุกดีครับ นานๆได้เปลี่ยนบรรยายกาศบ้าง แถมประหยัดงบอีก เที่ยวสองวัน หนึ่งคืน ตกคนละเจ็ดร้อยกว่าบาทเอง จริงๆอาจจะถูกกว่านั้น ถ้าเราไม่ซื้อของกันเยอะมาก เพราะของเราเหลือกันบานเลยครับ จริงๆถ้าวางแผนดีกว่านี้นิดเดียว อาจจ่ายคนละแค่ห้าร้อยก้ออยู่แล้วทริปนี้ ครั้งหน้าเอาใหม่ แหะแหะ จริงๆ มีเรื่องราวเยอะแยะมากที่จะเขียนต่อ แต่พอดีกว่ากลัวว่า เดี๋ยวจะเบื่ออ่านกัน…จบแค่นี้ครับ