เมื่อคุณปฏิบัติตามกฏแต่ละข้อในแปดข้อของกฏแปดประการสู่การประสบความสำเร็จอย่างสูงในการบรรลุเป้าหมายต่อไปนี้ คุณจะสามารถดึงความสามารถของคุณมาใช้ได้อย่างเต็มที่ คุณจะเป็นอีกคนในหนึ่งเปอร์เซนต์ของผู้คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง หากไม่มีกฏเหล่านี้ ผู้แสวงหาความสำเร็จมักจะประสบกับความยุ่งยาก และเกิดข้อสงสัยหลายประการในการกำหนดเป้าหมาย ซึ่งมีผลให้พบกับความล้มเหลว และสรุปอย่างผิดๆ ว่ากำหนดเป้าหมายนั้น เป็นวิธีการที่ใช้ไม่ได้ผล อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้ผลสำหรับเขา ความจริงแล้ว การกำหนดเป้าหมายนั้นใช้ได้ผลกับทุกคนบนโลก เพื่อรับประกันความสำเร็จของคุณ ลองปฏิบัติตามข้อแนะนำง่ายๆเหล่านี้อย่างตั้งใจ แล้วผลลัพธ์ของมันจะจัดการทุกอย่างเอง…
1. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องถูกเขียนออกมาอย่างชัดเจน
กฎข้อนี้ เป็นกฎข้อที่สำคัญที่สุดของการกำหนดเป้าหมาย ความหวัง และความฝันนั้น จะแปรเปลี่ยนเป็นเป้าหมายได้ด้วยการเขียนมันออกมา การเขียนเป้าหมายของคุณลงบนกระดาษ ทำให้เป้าหมายนั้นมีตัวตน จับต้องได้ และเป็นจริง จำไว้ว่าจากการศึกษาทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า คนที่เขียนเป้าหมายของตนออกมานั้น มีแนวโน้วที่จะบรรลุเป้าหมายของตนมากกว่าผู้ที่กำหนดเป้าหมายของตนไว้แค่ “ในหัว” มากถึง 10 เท่า และรายงานฉบับเดียวกันนั้นได้แสดงว่าคนที่เขียนเป้าหมายของตนออกมามีรายได้มากกว่าผู้ที่มีพรสวรรค์เท่ากันแต่ละเลยการเขียนเป้าหมายออกมา 10 ถึง 100 เท่า การเขียนเป้าหมายของคุณยังช่วยคุณในการตกผลึกทางความคิด ทั้งยังเป็นเครื่องมือทางกายภาพในการรวบรวมความตั้งใจของคุณ มันจะช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของเส้นประสาทสมอง ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ทำหน้าควบคุมการรับรู้ของสมองคุณ เมื่อคุณรับรู้และตระหนักถึงเป้าหมายมากขึ้น คุณจะสังเกตได้ว่า ผู้คน และทรัพยากรต่างๆ นั้นรับรู้เป้าหมายของคุณไปด้วย ทั้งคุณยังจะมองเห็นผู้คน ทรัพยากร ข้อมูล และโอกาสที่จะช่วยคุณในการบรรลุเป้าหมายได้อีกด้วย การเขียนเป้าหมายออกมานั้นยังเป็นการสร้างใบคะแนน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ และศึกษา โดยที่ใบคะแนนนี้จะเปรียบเสมือนเครื่องมือวัดความสำเร็จ และความก้าวหน้าในชีวิตคุณ การที่มีเป้าหมายของตัวเองปรากฎบนกระดาษนั้น จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้กับคุณ การที่คุณสามารถที่จะก้มลงมอง และเห็นว่าคุณเชี่ยวชาญในสิ่งที่คุณได้วางแผนมาก่อน เพื่อที่จะประสบความสำเร็จจะให้ความรู้สึกที่ทรงพลังถึงความมีค่าในตัวเอง และจะชักนำให้คุณกำหนดเป้าหมายที่ดี และท้าทายขึ้นในอนาคต ความสำเร็จของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเขียนเป้าหมายออกมาเหมือนการร่างสัญญาที่เชื้อถือได้ขึ้นกับตัวคุณเอง ซึ่งจะสร้างเสริมกำลังใจ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณโดยอัตโนมัติ จำไว้ว่าในสังคมของเรา เรามักให้ความสำคัญแก่ข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรมากกว่าข้อตกลงปากเปล่า มันจะถูกรักษาอย่างเคร่งครัดกว่า ดังนั้น จงทำสัญญาระหว่างตัวคุณกับเป้าหมายซะ!!!
เมื่อมีคนบอกผมว่าเขาไม่ต้องการจะเขียนเป้าหมายของเขาออกมา เพราะเขา “ท่องมันจนขึ้นใจแล้ว” ผมรู้ดีว่าความจริงแล้วเขากำลังถอดใจ และสุดท้ายก็จะลืมมัน คุณควรที่จะระบุเป้าหมายออกมาเหมือนกับว่ามันได้สำเร็จเป็นจริงแล้ว เช่น “ผมมีรายได้ในปีนี้ 125,000 เหรียญ” หรือ “ผมลดแต้มต่อของผมเหลือ 6 ในวันที่ 1 มิถุนายน”
2. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องถูกเขียนขึ้นมาโดยใช้รูปประโยคที่เป็นปัจจุบัน
การเขียนกำหนดเป้าหมายออกมาโดยวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถโน้มน้าวจิตใจตนเองให้มุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้ วิธีนี้จะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า โครงสร้างทางความเครียดหรือความไม่สอดคล้องกันภายในใจของคุณ เนื่องจากเกิดความขัดแย้งขึ้น อย่างเห็นได้ชัดระหว่างสิ่งที่คุณอยากจะเป็นและสิ่งที่คุณเป็นอยู่จริง เกิดช่องว่างระหว่างความจริงและวิสัยทัศน์ที่มีต่ออนาคตของคุณ เนื่องจากจิตใจของคุณนั้นเกลียดความเครียดทุกประเภท ดังนั้น มันจะเริ่มตื่นตัวต่อผู้คน ทรัพยากร และความคิดที่สามารถผลักดันคุณไปสู่เป้าหมายทันที สรุปคือ จิตใจของคุณจะสร้างภาพใหม่ขึ้นมา การเขียนกำหนดเป้าหมายออกมา โดยใช้รูปประโยคที่เป็นปัจจุบันจะสามารถถ่ายทอดเป้าหมายสู่สมองในรูปแบบที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด มันจะทำให้คุณสามารถจินตนาการเป้าหมายของคุณอย่างชัดเจน และเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถทำมันให้เป็นจริงได้ มันจะชี้ให้จิตสำนึก และจิตใต้สำนึกของคุณเห็นว่าคุณไม่ได้อยู่ในที่ๆคุณต้องการ จงปฏิเสธที่จะเขียนกำหนดเป้าหมายของคุณ โดยใช้คำ เช่น “ผมจะทำสิ่งนี้” หรือ “ฉันจะทำมันให้สำเร็จ” เมื่อคุณใช้คำว่า “ผมจะ, ฉันจะ” จิตใจของคุณจะก่อให้เกิดความรู้สึกคลุมเครือ และห่างไกลต่อความสำเร็จ ซึ่งมีผลให้แรงผลักดันที่มีต่อความคิด กลยุทธ์ที่จะบรรลุเป้าหมาย และแรงผลักดันที่จะให้คุณเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ ในทันทีจะน้อยลง การใช้คำว่า “ผมจะ, ฉันจะ” ก่อให้เกิดการผลัดวันประกันพรุ่ง และแน่ล่ะ!!!!! เราจะเลื่อนมันออกไปให้นานที่สุด
3. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องถูกเขียนในแง่บวก
ยกตัวอย่างเช่น ควรใช้ประโยคว่า “ฉันกินแต่อาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีคุณค่าต่อร่างกาย” แทนประโยคที่ว่า “ฉันจะไม่กินอาหารขยะอีกต่อไป” เป็นเรื่องสำคัญที่จะไม่เขียน ระบุ หรือพูด ออกมาในแง่ลบ คุณไม่ควรจะพูดว่า “ผมจะไม่ตีลูกตกน้ำ” คุณควรที่จะระบุออกมาในแง่บวก เพราะความคิดของเราจะแสดงออกมาเป็นภาพ คำเป็นเพียงสัญลักษณ์ของข้อคิดเห็น ทุกๆครั้งที่คุณพูดหรือเขียนคำๆ หนึ่ง คุณจะสร้างรูปภาพขึ้นในใจ และคุณไม่สามารถที่จะสร้างภาพที่จะไม่ทำสิ่งใดๆ คุณอาจจะกล่าวว่า “ฉันไม่กินอาหารขยะ” แต่ในใจของคุณจะประมวลภาพที่ว่า “ฉันกินอาหารขยะ” จะเกิดการละเลยคำว่า “ไม่” และคุณจะแสดงแต่ภาพ “ฉันกินอาหารขยะ” ถ้าคุณกล่าวว่า “ฉันไม่อ้วน” ภาพที่ปรากฎขึ้นในความคิดคือ “ฉันอ้วน” ถ้าคุณกล่าวว่า “ผมจะไม่ตีลูกตกน้ำ” ผลก็คือ ใจของคุณก็จะนึกถึง “ผมจะตีลูกตกน้ำ” คราวนี้ คุณจะสามารถแกล้งเพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟของคุณ โดยการเตือนให้ระวังตีตกน้ำก่อนที่เขาจะตี แล้วเขามักจะตอบว่า “ผมไม่ตีตกน้ำหรอกน่า” แต่ผลมักตรงกันข้าม คือเขามักจะตีลูกตกน้ำอย่างแน่นอน จงจำไว้ว่าการกระทำของคุณจะสอดคล้องกับภาพที่คุณสร้างขึ้นมาในใจเสมอ คุณจึงต้องระบุเป้าหมายในแง่บวก เพื่อให้ใจของคุณเข้าใจและลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้อง ผู้คนมักระบุเป้าหมายออกมาในแง่ลบ เพราะเขาจะตระหนักดีในสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่อะไรก็ตามที่ตระหนักถึงจะเป็นสิ่งที่คุณพบเจอ หากคุณตระหนักถึงเป้าหมายของคุณ คุณจะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น หากคุณตระหนักถึงความก้าวหน้า และการรับใช้ผู้อื่น คุณจะมีรายได้เพิ่มขึ้น และคนอื่นก็จะคิดว่าคุณโชคดี
4. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายในชีวิตคุณ
คุณควรจะสร้างเป้าหมายขึ้นมาเอง และเป้าหมายนั้นควรมีความหมายต่อคุณ หลายๆคนทำผิดพลาด โดยการตั้งเป้าหมาย ซึ่งมีความสำคัญหรือเป็นที่ชื่นชมของคนอื่น แต่ไม่ได้มีความหมายอะไรในชีวิตของเขาเลย วิธีที่ดีที่สุดในการมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย คือการเข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องทำ คำว่า “ทำไม” หรือการรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าของตนเองที่จะเป็นสิ่งที่เพิ่มแรงกระตุ้นให้คุณ เป้าหมายที่ดีนั้น จะต้องถูกตั้งขึ้นหลังจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ถึงชีวิต จุดมุ่งหมายแห่งชีวิต และสิ่งที่มีคุณค่า หรือสิ่งที่คุณเห็นว่าสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งรวมไปถึง ผู้คน สิ่งรอบตัว คุณงามความดี ความคิด ความเชื่อและความรู้สึก สิ่งเหล่านี้ ก่อให้เกิดปรัญชญาหรือวิสัยทัศน์ส่วนตัวของชีวิตคุณ เป้าหมายนั้นเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อให้คุณเข้าใจหรือตระหนักถึงจุดมุ่งหมายส่วนตัวในการดำเนินชีวิต การที่คุณกำหนดเป้าหมาย โดยไม่แน่ใจว่าความจริงแล้วเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร และต้องการจะเป็นใครในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง อาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้ เรามักจะรับเอาสิ่งที่มีค่าของคนอื่นมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าของเรา ด้วยเนื่องจากเราไม่เคยตั้งใจอย่างจริงจังที่จะพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญต่อเราอย่างแท้จริง เมื่อเรากำหนดเป้าหมายที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่มีคุณค่าในชีวิต เราอาจจะสามารถเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงได้ แต่ความสำเร็จนั้นประกอบไปด้วยความรู้สึกที่ว่า “นี่หรือ แค่นี้จริงๆหรือ?” สิ่งที่ทำให้เกิดความเครียดและการไม่มีความสุขได้มากที่สุด คือ การที่รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่แสดงออกมาในสิ่งที่ต่างออกไป
ลองตอบคำถามต่อไปนี้ดู
1. ฉันได้วางแผนและดำเนินชีวิต เพื่อตามหาสิ่งที่มีค่าของตนเองหรือเปล่า
2. หากทำตามเป้าหมายนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ฉันจะเป็นอย่างไร
3. การที่ฉันบรรลุเป้าหมายนี้ จะนำความสุขมาสู่ใจของฉันได้หรือไม่
จงแน่ใจเป้าหมายแต่ละเป้าหมายของคุณนั้น เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มีค่าและบทบาทของชีวิตคุณ เป้าหมายและจุดมุ่งหมายในชีวิตของคุณควรจะเกี่ยวพันกันอย่างชัดเจนและแน่นเฟ้น การเดินไปสู่เป้าหมายนั้นควรจะช่วยผลักดันคุณเข้าใกล้จุดมุ่งหมายในชีวิตมากขึ้น
5. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องถูกกำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจง และวัดผลได้
การเขียนเป้าหมายของคุณจะต้องปราศจากความคลุมเครือและไม่ชัดเจน และเป้าหมายนั้นต้องวัดผลได้เพื่อที่คุณหรือคนอื่นจะสามารถประเมินได้ว่าคุณก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว ทั้งยังสามารถบอกได้อย่างชัดเจน เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายแล้ว หรือบอกได้ว่าคุณควรทำอย่างไรต่อไป ยิ่งคุณกำหนดอย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าคุณจะต้องเดินอีกกี่ก้าวกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ยิ่งเป้าหมายนั้นชัดเจนเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมุ่งมั่นกับเป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งคุณมุ่งมั่นกับเป้าหมายมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งมองเห็นผู้คน ความคิด และทรัพยากรรอบตัวที่จะสามารถช่วยคุณบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้นเท่านั้น การวางแนวทางที่แน่นอน และชัดเจนจะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจและความกระตือรือร้นได้ด้วย มันจะช่วยกระตุ้นให้คุณลงมือทำตามเป้าหมาย บ่อยครั้งทีเดียวที่ผู้เข้าร่วมการอบรมของผมถามว่า “ผมจะต้องกำหนดเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจงแค่ไหน” ผมมักจะตอบว่า “แล้วคุณสามารถเพิ่มความเฉพาะเจาะจงขึ้นอีกได้หรือเปล่า” หากคุณสามารถเพิ่มได้อีกก็ควรทำ จงถามตัวเองอยู่เสมอว่า “ฉันจะทำให้เป้าหมายนี้ ชัดเจนกว่านี้ได้อย่างไร? ฉันจะทำอย่างไรให้มันเด่นมากขึ้น?” แล้วคุณจะค้นพบว่าความคิดสร้างสรรค์ของคุณจะเพิ่มมากขึ้นตามความชัดเจนของเป้าหมายนั้น ความคิดสร้างสรรค์นั้นต้องการแรงผลักดัน และการกำหนดเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ และจับต้องได้ ก็ทำให้เกิดแรงผลักดันนั้น อย่าได้กำหนดเป้าหมายดังต่อไปนี้ “ผมอยากจะมีความสุข” “ฉันอยากมีชีวิตแต่งงานที่ดีกว่านี้” หรือ “หาเงินมากๆ แล้วรวย” มันไม่ชัดเจนและคลุมเครือ วัดผลไม่ได้ มีความมุ่งมั่นต่ำและไม่ก่อให้เกิดความก้าวหน้าเท่าที่ควร เป้าหมายที่คลุมเครือไม่ชัดเจนจะให้ผลลัพธ์ที่น้อยนิด
6. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องมีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน
การกำหนดระยะเวลาทำให้เกิดแรงผลักดันให้คุณกระทำการต่างๆ หรือพูดอีกอย่าง ก็คือ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง น่าแปลกที่มนุษย์มักเฉื่อยชาในการทำตามเป้าหมายที่มีค่าที่สุดต่อความสุขในใจในระยะยาว น่าขันที่เรามักจะให้ความสำคัญกับการทำให้ชีวิตเราดีขึ้นน้อยกว่าเรื่องอื่น เรามักจะยึดติดกับความสะดวกสบาย ซึ่งมักจะเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จและความภาคภูมิใจ เพราะฉะนั้นควรแน่ใจว่าเป้าหมายของคุณมีการกำหนดระยะเวลาที่สมเหตุสมผลในการประสบความสำเร็จ มันสำคัญมากที่กำหนดเวลาที่เหมาะสมในการบรรลุเป้าหมาย กล่าวกันว่าไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบได้กับเป้าหมายที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ยกเว้นการมีเวลาที่ไม่เพียงพอในการบรรลุเป้าหมายนั้น การเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการกำหนดเป้าหมายบ่อยๆ จะทำให้คุณค่อยๆกำหนดระยะเวลาได้อย่างเหมาะสม
7. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องท้าทายและมีเหตุผล
เป้าหมายที่ดีควรจะทำให้คุณเลิกขี้เกียจและยอมตัดใจจากความสะดวกสบาย คุณต้องหัดพบกับความลำบากเสียบ้าง เพื่อให้คุณสามารถดึงเอาศักยภาพมาใช้ได้อย่างเต็มที่ คุณมักจะได้รับการแนะนำให้กำหนดเป้าหมายที่มีอัตราส่วนของความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้ 50 – 50 คุณควรจะกำหนดเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้จริง ซึ่งช่วยสร้างเสริมความมีเอกลักษณ์ และความมีวินัยในตนเองของคุณ คุณจะต้องอาศัยความเชื่อมั่นในการที่จะบังคับจิตใจของตนให้มุ่งไปสู่เป้าหมาย ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณขับรถเชฟวี่ ซึ่งถูกใช้งานมาแล้ว 15 ปี แต่รถที่คุณใฝ่ฝัน คือ รถโรลส์ลอยซ์ ลองนึกดูว่า หากคุณจอดรถติดไฟแดงอยู่ แล้วเผอิญมีรถโรลส์ลอยซ์มาจอดข้างๆ รถคุณ คุณจะเกิดแรงจูงใจให้ไปซื้อรถโรลส์ลอยซ์มาขับเลยหรือเปล่า รถโรลส์ลอยซ์คันนั้นจะเป็นแรงจูงใจให้คุณทำอย่างนั้นหรือไม่ รถคันนั้นเป็นแรงบันดาลใจที่ทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือ ไม่เป็นอย่างนั้นแน่ ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะว่าเชฟวี่คันเก่าของคุณกับรถโรลส์ลอยซ์นั้น ช่างแตกต่างกันเหลือเกินในความเป็นจริง ใจของคุณจะปฏิเสธความคิดที่ว่าคุณสามารถเป็นเจ้าของรถโรลส์ลอยซ์ได้ เพราะมันไม่สอดคล้องกับความเชื่อมั่นและความเป็นจริงเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว หากแต่คุณต้องกำหนดเป้าหมายในปัจจุบัน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเหมือนขั้นบันไดในการค่อยๆ สร้างความเชื่อมั่น และแนวความคิดของคุณให้เหมือนกับเจ้าของรถโรลส์ลอยซ์เสียก่อน กล่าวคือ คุณอาจจะเริ่มโดยการเปลี่ยนไปขับรถหรู แต่ราคาถูกเสียก่อน แล้วค่อยขยับไปขับเมอเซเดสรุ่นที่แพงสุด
หลักการคือ ทำให้ใจมุ่งไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมาย ไม่ใช่ตรงข้าม และนี่คือ หนทางสู่การบรรลุเป้าหมายที่อยู่ไกลเกินความเชื่อมั่นของคุณ วิธีการกำหนดเป้าหมายแบบนี้ จะช่วยปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ สร้างเสริมแนวคิดสู่การบรรลุเป้าหมายที่อยู่ไกล เป้าหมายที่ยากเกินไป (เมื่อเทียบกับศักยภาพของคุณในเวลานี้) เป็นสิ่งที่กักขังความคิดสร้างสรรค์ และมักจะทำให้คุณท้อใจ เมื่อคุณมีความเชี่ยวชาญในการกำหนดเป้าหมาย และมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น คุณจะพบว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง โดยการกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆ และบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นคุณอาจจะตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้แค่ 20 -30 เปอร์เซนต์ แต่จำไว้ว่า “ความสมเหตุสมผล” ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อย่าตั้งเป้าหมายที่ต่ำไป หากจะเกิดการกำหนดเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม ขอให้เป็นคความไม่เหมาะสม เพราะหวังสูงไปจะดีกว่า
8. เป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ต้องถูกวางแผนมาแล้วอย่างดี
คุณจะต้องวางแผนขั้นตอนต่างๆ สู่การบรรลุเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน คุณต้องรวบรวมรายละเอียด วางแผน เขียนสิ่งที่จะต้องทำ เรียงลำดับ จัดตารางเวลา และเขียนใหม่บ่อยๆ เพื่อที่จะทำให้แผนที่วางไว้มีความรัดกุมที่สุด ตรวจทาน ปรับปรุง ร่างลงบนกระดาษ และเป็นการดีที่จะจัดเตรียมแผนสำรองที่รัดกุมเท่าๆ กับแผนหลัก ฝึกฝนตนเองให้เป็นนักวางแผนที่ดีด้วย
บทความแปลที่ผมนำมาเผยแพร่ในครั้งนี้ เป็นเพียงแค่บางส่วนของหนังสือ Success is Not Accident ของ Tommy Newberry เท่านั้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน